ฝนตกบ่อย ๆ ทำให้เกิดความอับชื้น ซึ่งกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อรา และแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุการเกิดโรคผิวหนังได้ ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝนแล้ว มีโรคผิวหนังอะไรบ้างที่ต้องระวัง!
โรคผื่นผิวหนังอักเสบจากการติดเชื้อรา
- กลาก มีลักษณะเป็นผื่นวงมีขอบเขตชัดเจน มีขุย เริ่มต้นด้วยอาการคัน ตามด้วยผื่นแดงต่อมาจะลามเป็นวงออกไปเรื่อย ๆ และมักจะคันมากขึ้น ส่วนใหญ่พบในบริเวณที่มีความอับชื้น เช่น หนังศีรษะ รักแร้ ใต้ราวนม ขาหนีบ ฝ่าเท้า และซอกนิ้วเท้า
- เกลื้อน ลักษณะเป็นผื่นวงกลมหลายวง มีขุยละเอียด สีแตกต่างกัน มักเกิดบริเวณลำตัว เช่น หลัง หน้าอก ท้อง ไหล่ คอ
โรคผื่นผิวหนังอักเสบจากแมลง เช่น ยุง หมัด ไร ด้วงก้นกระดก หากสัมผัสเข้าอาจเกิดเป็นผื่นผิวหนังอักเสบได้ หากมีอาการแพ้รุนแรงควรพบแพทย์ อันตราย! จากแมลงก้นกระดก “แพ้ง่าย” ควรรีบพบแพทย์
โรคเท้าเหม็น เกิดผื่นผิวหนังอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิดบริเวณผิวหนังชั้นนอก มีอาการเท้าแห้งลอก เท้าจะมีกลิ่นรุนแรงมากกว่าปกติ มีหลุม รูพรุนเล็ก ๆ บริเวณฝ่าเท้าและง่ามเท้า
โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง จะมีผื่นแดง แห้งลอก คัน โดยมีอาการคันมากที่บริเวณตามข้อพับแขน ข้อพับขา ใบหน้า แขน ขา ซอกคอ เนื่องมาจากอุณหภูมิและความชื้นของอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป
โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังในเด็ก (Atopic Dermatitis)
โรคน้ำกัดเท้า มีอาการระคายระคายเคืองผิวหนังจากความอับชื้น ทำให้เกิดผื่นตามเท้า ซอกนิ้วเท้า อาจมีการติดเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย
โรคผื่นกุหลาบ ส่วนใหญ่มักพบบ่อยในช่วงฤดูหนาว และฤดูฝน เนื่องจากอากาศที่เปลี่ยนแปลงทำ รู้จักผื่นกลีบกุหลาบ – โรคผิวหนังติดเชื้อจากไวรัส
ดูแลตัวเอง ป้องกันโรคผิวหนัง ช่วงหน้าฝน
- อาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกายทันทีเมื่อกลับถึงบ้าน
- ใส่เสื้อผ้าสะอาด ที่แห้งสนิท
- ล้างมือ ล้างเท้า หลังลุยน้ำท่วม
- หากตากฝน ควรสระผมและเป่าให้แห้งก่อนนอน
- กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ของสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรค
- กรณีที่ลุยน้ำและมีแผล ควรความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ และฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก
อ้างอิงจาก : สภากาชาดไทย
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล : https://www.sikarin.com/health