“พลาสติกชีวภาพ” จากเปลือกทุเรียน

กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร เจ๋ง แปรรูปเปลือกทุเรียนมาจัดทำเป็นซองบรรจุกาแฟ ซึ่งผลการทดลองมีแนวโน้มที่ดี เพราะมีอัตราการซึมผ่านของก๊าซออกซิเจนต่ำ สามารถปิดผนึกได้ด้วยความร้อน สามารถพัฒนาไปสู่การทำบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารแห้งได้
          ฤดูกาลทุเรียนเวียนมาทีไร นอกจากเราจะได้ลิ้มรสความอร่อยของผลไม้ที่ได้ชื่อว่าเป็น King of Fruit แล้ว ทราบหรือไม่ว่า “เปลือกทุเรียน” ที่ถูกทิ้งเป็นขยะมากมายในช่วงที่มีผลผลิตทุเรียนออกสู่ตลาดนี้ ถือเป็นวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรอีกอย่างหนึ่งที่เหมาะสมกับการนำมาผลิตเป็นพลาสติกชีวภาพ ทั้งนี้ เพราะเปลือกทุเรียนมี “เซลลูโลส” ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการสังเคราะห์คาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลส หรือ ซีเอ็มซี (Carboxymethyl cellulose, CMC) ที่ใช้ในอุตสาหกรรมหลายชนิด อาทิ อุตสาหกรรมซักฟอก สิ่งทอ กระดาษ เซรามิก สี กาว อาหาร และยาต่าง ๆ รวมทั้งยังนำมาใช้เป็นสารเพิ่มความหนืด สารยึดเกาะ (binder) และสารคงสภาพ (Stabilizer)
          จากข้อมูลการวิจัยของ กลุ่มงานวิจัยและพัฒนาการแปรรูปผลิตผลเกษตร กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กรมวิชาการเกษตร ระบุว่า ในเปลือกทุเรียนมีเซลลูโลสอยู่ประมาณ 30% สามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการเตรียมคาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลส หรือ ซีเอ็มซี สำหรับผลิตเป็นแผ่นฟิล์มพลาสติกชีวภาพที่จะสามารถพัฒนาเป็นบรรจุภัณฑ์อื่น ๆ ที่สามารถย่อยสลายได้ และมีคุณสมบัติเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
           ปัจจุบันทีมนักวิจัยกรมวิชาการเกษตรได้ทดลองนำฟิล์มที่ได้จากกระบวนการแปรรูปเปลือกทุเรียนมาจัดทำเป็นซองบรรจุกาแฟ ซึ่งผลการทดลองมีแนวโน้มที่ดี เพราะมีอัตราการซึมผ่านของก๊าซออกซิเจนต่ำ สามารถปิดผนึกได้ด้วยความร้อน สามารถพัฒนาไปสู่การทำบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารแห้งได้ สำหรับคุณสมบัติด้านการย่อยสลายนั้น จากการทดสอบพบว่า ฟิล์มชนิดนี้ใช้เวลาภายใน 24 ชั่วโมง ในการย่อยสลายจากการฝังกลบในดิน
          นอกจากนี้ ทีมนักวิจัยยังคงทำการศึกษาต่อเนื่องในเรื่องความปลอดภัยต่อผู้บริโภค คุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่บรรจุในซอง รวมทั้งการนำซีเอ็มซีไปเคลือบผลไม้แทนการเคลือบด้วยแว็กซ์ การนำเปลือกทุเรียนไปแปรรูปเป็นพลาสติกชีวภาพจึงเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม และยังถือเป็นการจัดการขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนอีกด้วย
          สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มงานวิจัยและพัฒนาการแปรรูปผลิตผลเกษตร กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กรมวิชาการเกษตร โทร. 0 2940 5982, 08 4076 2021

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล :
https://www.dailynews.co.th/news/997989/