อังกฤษรายงานพบผู้ป่วยโรคหายาก “โรคฝีดาษลิง” คาดติดมาจากไนจีเรีย

เมื่อวันเสาร์ (7 พ.ค.) สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร (UKHSA) แถลงว่า พบผู้ป่วย “ฝีดาษลิง (Monkeypox)” ในอังกฤษ โรคนี้บ้างก็เรียกว่า ไข้ทรพิษลิง เป็นโรคที่พบได้น้อยและยากมาก
          หน่วยงานระบุว่า  ฝีดาษลิงเป็นการติดเชื้อไวรัสที่หายากจากสัตว์บางชนิด ไม่สามารถแพร่กระจายได้ง่ายระหว่างคน ทำให้ถือว่าความเสี่ยงโดยรวมสำหรับประชาชนทั่วไปที่จะป่วยโรคนี้อยู่ในระดับ “ต่ำมาก”
          “การติดเชื้อสามารถแพร่กระจายได้เมื่อมีคนสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงต่ำมากที่จะเกิดการแพร่เชื้อไปยังประชากรทั่วไป” UKHSA ระบุ
          จากข้อมูลเบื้องต้น เชื่อว่าผู้ป่วยรายนี้ติดเชื้อมาจากไนจีเรีย ก่อนเดินทางมายังอังกฤษเมื่อไม่นานนี้ ขณะนี้กำลังรับการรักษาในลอนดอนในความดูแลของผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อที่ Guy's and St Thomas' NHS Foundation Trust
          อาการเบื้องต้นที่ UKHSA ระบุ ได้แก่ มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองบวม หนาวสั่น และอ่อนเพลีย โดย UKHSA เสริมว่า จะติดต่อ “ผู้ที่อาจติดต่อใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายดังกล่าว เพื่อให้ข้อมูลและคำแนะนำด้านสุขภาพเพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน”
          ฝีดาษลิงเป็นโรคตระกูลเดียวกับ “ไข้ทรพิษ (Smallpox)” ซึ่งเป็นโรคร้ายแรงที่เคยคร่าชีวิตคนหลายแสนคนต่อปีในยุคที่การแพทย์ยังไม่พัฒนา และถูกกำจัดให้หมดไปในปี 1979
          โดยฝีดาษลิงนั้นแพร่เชื้อได้น้อยกว่าและอันตรายน้อยกว่า แต่ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างอาการของโรคไข้ทรพิษกับโรคฝีดาษลิงก็คือ โรคฝีดาษลิงนั้นทำให้ต่อมน้ำเหลืองโต ในขณะที่ไข้ทรพิษไม่ทำให้เกิดอาการนี้
          สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุขของไทยระบุว่า สำหรับพาหะของเชื้อไวรัสฝีดาษลิงนั้น พบได้ในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิง และสัตว์ฟันแทะ เช่น หนู กระรอก กระต่าย
          โดยคนสามารถติดโรคนี้จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัด หรือการกินเนื้อสัตว์ที่มีเชื้อที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ และยืนยันตรงกันว่า การแพร่เชื้อจากคนสู่คนอาจเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสใกล้ชิด แต่โอกาสเกิดน้อยมาก
          ผู้ป่วยจะแสดงอาการของโรคหลังติดเชื้อประมาณ 12 วัน อาการป่วยคือ มีไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง และอ่อนเพลีย จากนั้นประมาณ 1-3 วัน จะมีผื่นขึ้นบริเวณแขนขา และอาจจะเกิดบนหน้าและลำตัวได้ด้วย ผื่นจะกลายเป็นตุ่มหนอง ในระยะสุดท้ายตุ่มหนองจะเป็นสะเก็ดแล้วหลุดออกมา อาการป่วยประมาณ 2-4 สัปดาห์
          ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายจากโรคเองได้ อัตราการเสียชีวิตของโรคพบสูงสุดในกลุ่มเด็กเล็ก ซึ่งอาจสูงถึง 10%
          เมื่อปีที่แล้ว สหรัฐฯ รายงานพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิง 1 ราย ในดัลลัส และต้องสังเกตอาการของกลุ่มเสี่ยงมากกว่า 200 คน

ภาพจาก : WHO
เรียบเรียงจาก : CNN
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : www.pptvhd36.com>ข่าว>ต่างประเทศ