www.escardio.org, www.healio.com,https://ir.ionis.com, https://timi.org, www.acc.org, www.nejm.org:
ผลการศึกษาทางคลินิกที่สำคัญการศึกษาหนึ่งของยาฉีด olezarsen ซึ่งเป็น antisense oligonucleotide ที่มีเป้าหมายในการจับกับ messenger RNA of apolipoprotein C-III โดยเฉพาะและยับยั้งการสร้าง apolipoprotein C-III ที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมระดับไขมัน triglycerides ในเลือด สามารถลดระดับไขมัน triglycerides ลงได้ถึง 60% ภายในเวลา 6 เดือน ในคนไข้ hypertriglyceridemia และมีความเสี่ยงสูงของการเกิดอุบัติการณ์ทางระบบหัวใจและหลอดเลือด (cardiovascular หรือ CV events)
การศึกษาทางคลินิกดังกล่าวมีชื่อว่า Essence-TIMI 73b trial ซึ่งเป็น Phase 3, multicenter, randomized, double-blind, placebo-controlled trial ที่มุ่งประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของ olezarsen (ฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนังหรือ subcutaneousinjection เดือนละครั้ง) เปรียบเทียบกับ matching placebo ในคนไข้ที่มีภาวะไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง (hypertriglyceridemia) ความรุนแรงระดับปานกลางและมีความเสี่ยงสูงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดที่เกิดจากหลอดเลือดแดงแข็ง (atherosclerotic cardiovascular diseases หรือ ASCVD) โดยผลการศึกษาของ Essence-TIMI 73b ได้รับการนำเสนอในช่วง Hot Line session ของการประชุม ESC Congress 2025 ของ European Society of Cardiology (ESC) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 สิงหาคมถึงวันที่ 1 กันยายน 2568 ในกรุง Madrid ของสเปนขณะเดียวกันก็ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ New England Journal of Medicine (August 30, 2025, DOI: 10.1056/NEJMoa2507227)
ใน Essence-TIMI 73b trial คนไข้ moderate hypertriglyceridemia (ระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือด 150-499 mg/dL) และมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นของการเกิดโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด (cardiovascular disease หรือ CVD) เนื่องจากมี ASCVD เกิดขึ้นแล้ว หรือเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ร่วมกับมีอายุอย่างน้อย 55 ปี หรือมี severe hypertriglyceridemia (ระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดตั้งแต่ 500 mg/dL ขึ้นไป) จำนวนทั้งสิ้น 1,478 คน ถูกสุ่มครั้งแรก (1:3) ออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่ได้รับ olezarsen ขนาด 50 mg ฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนังทุก 4 สัปดาห์ และกลุ่มที่ได้รับ olezarsen ขนาด 80 mg ฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนังทุก 4 สัปดาห์ต่อจากนั้นในแต่ละกลุ่มถูกสุ่มอีกครั้งหนึ่ง (3:1) ออกเป็น 2 กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มที่ได้รับยาฉีด olezarsen ขนาด 50 mg/ทุก 4 สัปดาห์ เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับ matching placebo เป็นเวลา 12 เดือน ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งได้รับยาฉีด olezarsen ขนาด 80 mg/ทุก 4 สัปดาห์ เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับ matching placebo เป็นเวลา 12 เดือนเช่นกัน
ใน primary efficacy analysis ประกอบด้วยคนไข้จำนวนทั้งสิ้น 1,349 คน ประกอบด้วย 254 คนในกลุ่มที่ได้รับยาฉีด olezarsen ขนาด 50 mg/ทุก 4 สัปดาห์, 766 คนในกลุ่มที่ได้รับยาฉีด olezarsen ขนาด 80 mg/ทุก 4 สัปดาห์ และ 329 คนในกลุ่มที่ได้รับ matching placebo ทุก 4 สัปดาห์ โดยคนไข้มีอายุเฉลี่ย 64 ปี, 40% เป็นผู้หญิง และมีระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดเฉลี่ยเมื่อเริ่มต้นการศึกษาอยู่ที่ 238.5 mg/dL โดยผลการศึกษาในเรื่อง primary outcome (placebo-adjusted least-squares mean change in triglyceride level from baseline to 6 months) พบว่ากลุ่มที่ได้รับยาฉีด olezarsen ขนาด 50 mg มีระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดลดลง -58.4% ขณะที่กลุ่มที่ได้รับ ยาฉีด olezarsen ขนาด 50 mg มีระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดลดลง -60.6% ซึ่งแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับ matching placebo (P< .001)

ขณะเดียวกันสำหรับคนไข้ที่มี moderate hypertriglyceridemia (ระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือด 150-499 mg/dL) พบว่าที่ 6 เดือน 85% และ 88.7% ของกลุ่มคนไข้ที่ได้รับยาฉีด olezarsen ขนาด 50 mg และขนาด 80 mg/ทุก 4 สัปดาห์ ตามลำดับ ประสบความสำเร็จในการมีระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดปกติ (ระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดน้อยกว่า 150 mg/dL) เทียบกับ 12.5% ของกลุ่มคนไข้ที่ได้รับ matching placebo ซึ่งแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P< .001)
พร้อมกันนี้ยังพบว่าแม้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงของระดับไขมัน low-density lipoprotein cholesterol (LDL-C) จากการได้รับยาฉีด olezarsen ทั้ง 2 ขนาดเมื่อเทียบกับ matching placebo อย่างไรก็ตาม โดยรวมพบว่ายาฉีด olezarsen สามารถลด non-HDL cholesterol ลงได้ถึง -22%, ลด very-low-density lipoprotein (VLDL) cholesterol ลงได้ถึง -57%, ลด remnant cholesterol ลงได้ถึง -68% และลด Apolipoprotein B (Apo-B) ลงได้ -15%
ส่วนข้อมูลด้านความปลอดภัยโดยรวมของ Essence-TIMI 73b trial พบว่าไม่มี major safety concerns จากการรักษาคนไข้ moderate hypertriglyceridemia ที่มีความเสี่ยงสูงของการเกิด CVD จากการมี established ASCVD หรือมีโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ร่วมกับมีอายุค่อนข้างสูง โดยมี rate of adverse events ใกล้เคียงกันระหว่างกลุ่มที่ได้รับยาฉีด olezarsen (72.8-76.7%) เทียบกับ 72.1% ของกลุ่มที่ได้รับ matching placebo ขณะที่มี rate of serious adverse events อยู่ที่ 9.4-13.6% สำหรับกลุ่มที่ได้รับยาฉีด olezarsen เทียบกับ 11.4% ของกลุ่มที่ได้รับ matching placebo และมี injection-site reactions ค่อนข้างมากกว่าในกลุ่มที่ได้รับยาฉีด olezarsen แต่แทบจะไม่มีรายงานเกี่ยวกับระดับ liver aminotransferase ที่เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มของการศึกษานี้
อนึ่ง olezarsen (Tryngolza) ได้รับการรับรองจากสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (Food and Drug Administration หรือ FDA) ในปี 2567 ด้วยข้อบ่งใช้สำหรับเสริมเข้ากับการควบคุมอาหารเพื่อลดไขมันในเลือดในคนไข้อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปที่มี familial chylomicronemia syndrome (FCS) ซึ่งเป็น genetic form ของภาวะ severe hypertriglyceridemia (sHTG) ที่แม้จะพบได้ค่อนข้างยากแต่อาจนำไปสู่การเกิด acute pancreatitis ที่มีอันตรายถึงขึ้นเสียชีวิตได้