ทำไมเมืองต่างๆทั่วโลกเลือกรื้อพื้นถนนเพื่อให้ต้นไม้ได้เติบโตและคืนลมหายใจให้ผืนดิน

08 ต.ค. 2567 10:21:40จำนวนผู้เข้าชม : 51 ครั้ง

บรรยายรูป : ขณะนี้ โครงการรื้อพื้นถนนหลายแห่งดำเนินการโดยอาสาสมัคร

 


คริส บารานิอุก
Role,บีบีซีคัลเจอร์
15 กันยายน 2024, 09:20 +07
ปรับปรุงแล้ว เมื่อ 4 ชั่วโมงที่แล้ว

 


ในวันที่อากาศร้อนจัดของเดือน ก.ค. แคทเธอรีน โรส จับแท่งโลหะและดันมันเข้าไปใต้แผ่นคอนกรีต โรสซึ่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของดีเพฟ (Depave) องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในเมืองพอร์ตแลนด์ กำลังเหงื่อท่วมท่ามกลางความร้อน แต่เธอไม่ยอมให้แผ่นคอนกรีตหนัก ๆ ทำให้เธอหมดกำลังใจ
แผ่นคอนกรีตขนาดใหญ่ตรงหน้าเธอกำลังจะเคลื่อนตัว เธอไม่ได้ใช้แรงมากมายกับแท่งโลหะแต่ก็สามารถยกแผ่นคอนกรีตออกจากพื้นได้
“เหมือนได้ปลดปล่อยแผ่นดินให้เป็นอิสระ” เธอกล่าว
เธอเล่าว่าเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว เธอและอาสาสมัครอีก 50 คน ได้ช่วยกันรื้อคอนกรีตประมาณ 1,670 ตารางเมตรใกล้โบสถ์ท้องถิ่น
“ราวกับทำความฝันให้เป็นจริง ความฝันที่ทุกคนมีร่วมกัน” เธอกล่าว
ความฝันนั้นคือการนำธรรมชาติกลับคืนมา
แนวคิดของการรื้อพื้นถนนง่าย ๆ คือ การแทนที่คอนกรีต ยางมะตอย หรือรูปแบบการก่อสร้างเมืองอื่น ๆ ด้วยพืชและดิน
การรื้อถอนถนนเหล่านี้เกิดขึ้นในเมืองพอร์ตแลนด์ตั้งแต่ปี 2008 เมื่อตอนที่ดีเพฟก่อตั้งขึ้น
ผู้สร้างโปรแกรมนี้กล่าวว่า การรื้อพื้นถนนทำให้สิ่งง่าย ๆ เกิดขึ้นได้ คือ น้ำที่ตกลงมาในเมืองสามารถซึมลงสู่พื้นดินได้ ซึ่งช่วยป้องกันน้ำท่วม
นอกจากนี้ยังช่วยให้พืชป่าได้ขึ้นในพื้นที่เมือง และเมื่อมีการปลูกต้นไม้มากขึ้น จะเกิดร่มเงามากขึ้น ซึ่งช่วยปกป้องชาวเมืองจากรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์รวมทั้งคลื่นความร้อนอีกด้วย
นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่า การขยายพื้นที่สีเขียวในเมืองสามารถช่วยสุขภาพจิตของผู้คนดีขึ้นได้

บรรยายรูป : การรื้อพื้นถนนเป็นกระบวนการที่เปิดโอกาสให้ที่ดินถูกนำมาใช้ในการปลูกสวนหรือพื้นที่สีเขียว

 


เป็นมากกว่า อาสาสมัคร
ทว่า หากการรื้อพื้นถนนคือหนทางการแก้ปัญหาจริง ๆ ก็จำเป็นจะต้องขยายขอบเขตให้ไกลเกินกว่าสิ่งที่อาสาสมัครไม่กี่สิบคนจะทำได้
เมื่อวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศรุนแรงขึ้น เมืองและภูมิภาคต่าง ๆ เริ่มนำการรื้อพื้นถนนมาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการปรับตัวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่
หลายคนบอกว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเริ่มรื้อคอนกรีตออกจากถนนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อสร้างพื้นที่ที่ดีกว่าสำหรับธรรมชาติ
ด้วยเหตุนี้ ทุกครั้งที่โรสเดินผ่านเมือง เธออดไม่ได้ที่จะสังเกตเห็นพื้นที่ที่สามารถรื้อเอาพื้นยางมะตอยออกเพื่อปลูกต้นไม้ได้อยู่เสมอ
“ฉันอยากทำมากขึ้นตลอดเวลา มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เห็นพื้นที่ที่ทำได้” เธอกล่าว
โรสบอกว่า กลุ่มของเธอสามารถรื้อยางมะตอยออกได้ประมาณ 33,000 ตารางเมตรในเมืองพอร์ตแลนด์ ตั้งแต่ปี 2008 (เทียบเท่ากับสนามฟุตบอลสี่สนามครึ่ง)
เธออธิบายว่า งานนี้เป็นงาน “สนุก” เพราะเกี่ยวข้องกับอาสาสมัครจำนวนมากที่จะได้รับการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยก่อนเริ่มงาน
กรีนเวนเจอร์ (Green Venture) เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรอีกแห่งในรัฐออนแทรีโอ ของแคนาดา ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกิจกรรมนี้ที่ทำในพอร์ตแลนด์
จูเลียนา คาซิเมียร์รี ผู้อำนวยการบริหารของกรีนเวนเจอร์กล่าวว่า เธอและเพื่อนร่วมงานสามารถสร้างสวนเล็ก ๆ ที่ปลูกต้นไม้พื้นเมืองในเขตหนึ่งของเมืองแฮมิลตัน
“ที่เหล่านั้นเคยเป็นที่ที่ผู้คนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้กลายเป็นที่ที่ผู้คนสามารถหยุดพัก พูดคุย หรือแค่หยุดอ่านหนังสือพิมพ์ได้” เธออธิบาย
ในเมืองแฮมิลตัน น้ำท่วมสามารถทำให้น้ำเสียลงไปปะปนในลำน้ำจากทะเลสาบออนแทรีโอ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดื่มหลักของเมือง
แนวคิดของกรีนเวนเจอร์และองค์กรท้องถิ่นอื่น ๆ คือการลดโอกาสที่เหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้น คาซิเมียร์รี กล่าว
วิสัยทัศน์ของพวกเขาเป็นกลยุทธ์สำคัญสำหรับเมือง

บรรยายรูป : Depaving allows for the creation of small green spaces within cities.

 


จากการศึกษาพบว่า พื้นผิวที่ไม่ซึมน้ำ เช่น คอนกรีต เพิ่มความเสี่ยงน้ำท่วมในเขตเมือง
โรสกล่าวว่าความพยายามของทีมในพอร์ตแลนด์ทำให้น้ำพายุประมาณ 83 ล้านแกลลอนต่อปี ถูกเบี่ยงเบนไม่ให้เข้าสู่ระบบระบายน้ำของเมือง
ในเมืองเลอเวิน ประเทศเบลเยียม บัพติสต์ ฟลาเมนค์ หัวหน้าโครงการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศท้องถิ่น ประมาณว่าเพียงปี 2023 การรื้อคอนกรีต 6,800 ตารางเมตร จะทำให้ดินสามารถดูดซับน้ำฝนได้ถึง 1.7 ล้านลิตร
“เมื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้พายุเพิ่มขึ้น การรื้อพื้นถนนจึงไม่ใช่แค่สิ่งที่ดีที่ควรทำ แต่เป็นสิ่งจำเป็น” คาซิเมียร์รี กล่าว
คำถามตอนนี้คือ หน่วยงานท้องถิ่นตระหนักถึงเรื่องนี้หรือไม่
ในหลายส่วนของโลก การรื้อพื้นถนนยังถูกมองว่าเป็นกิจกรรมเล็กน้อย
"เราต้องการการลงทุนที่มากกว่านี้อีกมากเพื่อทำต่อ" ทามี ครอยเซอร์ จากมหาวิทยาลัย RMIT ในนครเมลเบิร์น ออสเตรเลีย กล่าวกับบีบีซี
เปลี่ยนแนวคิด
ความพยายามของชุมชนในการรื้อพื้นถนนนั้น “ยอดเยี่ยม” ครอยเซอร์กล่าว แต่เขาเสริมว่า การรื้อถนนและเพิ่มพื้นที่สีเขียวอย่างเดียวไม่เพียงพอ สิ่งที่ควรเกิดขึ้นคือ การหาวิธีใหม่ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานในเมือง
“การวางแผนและทรัพยากรที่ใช้ควรเทียบเท่ากับการวางแผนสร้างเส้นทางรถไฟใหม่” เขากล่าว
ในยุโรป มีบางเมืองที่เริ่มการรื้อถอนถนนอย่างต่อเนื่องแล้ว
ตัวอย่างเช่น ชาวลอนดอนกำลังได้รับการสนับสนุนให้ฟื้นคืนพื้นที่สีเขียวในสวนของตน และเมืองเลอเวินในเบลเยียมยอมรับแนวคิดการรื้อพื้นถนนในระดับใหญ่
มีโครงการฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวในท้องถิ่น ในเขตสปาอันเซ ครูน (Spaanse Kroon) ของเบลเยียม ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรราว 550 คน
แผนการดังกล่าวรวมถึงการรื้อถนนยางมะตอยปริมาณมากในพื้นที่ที่พักอาศัย และบังคับให้รถยนต์แชร์ถนนกับคนเดินเท้าและจักรยาน
“เรากำลังขยายโครงการ และตอนนี้เรากำลังสร้างทีมเฉพาะสำหรับการรื้อพื้นถนน” ฟลาเมนค์กล่าว
โครงการเหล่านี้ต้องตอบสนองความต้องการของทุกคนในเมือง เขากล่าว
ฟลาเมนค์อธิบายว่า เพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาด้านการมองเห็นหรือการเคลื่อนไหว การรื้อพื้นถนนจะทำในพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้งานของถนนหรือทางเดินเท้า โดยเว้นพื้นที่บนทางเดินเท้ากว้างกว่า 1 เมตร เพื่อให้คนเดินได้เพียงพอ
ส่วนทางเดินเท้าที่ไม่ได้รื้อออกก็จะได้รับการซ่อมแซมเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีหลุมหรือพื้นผิวไม่เรียบ
ดีเพฟในพอร์ตแลนด์และกรีนเวนเจอร์ในออนแทรีโอเห็นพ้องกันโดยกล่าวว่า พวกเขาทำงานร่วมกับชุมชนเพื่อให้แน่ใจว่ามีการรองรับความต้องการด้านการเข้าถึง

บรรยายรูป : การรื้อพื้นถนนเปิดพื้นที่เพื่อช่วยในการดูดซับน้ำฝน

 


คาซิเมียร์รีกล่าวถึงโครงการล่าสุดที่คอนกรีตที่เสียหายและทรุดโทรมถูกแทนที่ด้วยพุ่มไม้และเส้นทางเดินที่เรียบระหว่างต้นไม้
หนึ่งในโครงการที่ได้รับการโปรโมตในเมืองเลอเวินคือ “แท็กซี่ขนเศษซาก”
แท้จริงแล้วมันคือรถบรรทุกขนาดเล็กที่ส่งไปยังบ้านของผู้คนที่มีเศษวัสดุหรือคอนกรีตที่รื้อออกจากสวน เพื่อช่วยในการกำจัดเศษวัสดุเหล่านั้นได้ง่ายขึ้น
วัสดุเหล่านี้จะไม่ถูกทิ้ง แต่จะถูกนำกลับมาใช้ใหม่ ฟลาเมนค์กล่าว พร้อมเสริมว่า เลอเวินได้จัดสรรงบฯ หลายล้านยูโรเพื่อสนับสนุนโครงการรื้อถอนและฟื้นฟูธรรมชาติเช่นนี้
นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือน ม.ค. 2024 นักพัฒนาโครงการจะต้องพิสูจน์ว่า น้ำฝนที่ตกลงบนบ้านใหม่หรือบ้านที่ได้รับการปรับปรุงอย่างมากสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ในพื้นที่หรือกรองลงในสวนของทรัพย์สินแทนการสะสมและทำให้เกิดน้ำท่วม
หากนักพัฒนาไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าการออกแบบของพวกเขาพร้อมรับมือกับฝนตกหนัก โครงการจะไม่ได้รับการอนุมัติ ฟลาเมนค์อธิบาย
ฝรั่งเศสเองก็กำลังทำให้การรื้อพื้นถนนเป็นเรื่องทางการเช่นกัน เกวนโดลีน แกรนแด็ง นักนิเวศวิทยาจากหน่วยงานความหลากหลายทางชีวภาพภูมิภาคอิล-เดอ-ฟรองซ์กล่าว
รัฐบาลฝรั่งเศสได้จัดสรรงบประมาณระดับประเทศประมาณ 540 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.8 หมื่นล้านบาท) เพื่อสนับสนุนโครงการนิเวศวิทยาในเมือง ซึ่งรวมถึงการรื้อพื้นถนนและการติดตั้งกำแพงและหลังคาเขียวด้วย
ส่วนหนึ่งของแรงจูงใจคือ การทำให้เมืองต่าง ๆ ทนทานต่อคลื่นความร้อนในฤดูร้อน ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อพื้นที่ขนาดใหญ่ของฝรั่งเศส
บางโครงการมีขนาดใหญ่ เช่น ลานจอดรถเก่าใกล้ป่าในภูมิภาคปารีส
พื้นยางมะตอยและคอนกรีตกว่า 45,000 ตารางเมตร ได้รับการจัดการ
หลังจากที่ปูนซีเมนต์ถูกกำจัดออกไปแล้ว พื้นที่ที่ถูกปรับระดับจะได้รับการปรับภูมิทัศน์ใหม่เพื่อเพิ่มความลาดชันและลำธารเพื่อกักเก็บน้ำ และพื้นที่ทั้งหมดจะได้รับการปลูกต้นไม้ในเร็ว ๆ นี้

บรรยายรูป : พื้นถนนส่วนใหญ่ที่ถูกรื้อออกสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ในโครงการอื่น ๆ ได้


 


ในบ้านเกิดของครอยเซอร์ ที่นครเมลเบิร์น เขาและเพื่อนร่วมงานได้ศึกษาพื้นที่ที่มีศักยภาพในการฟื้นฟูด้วยสวนและกำแพงสีเขียว
ในการศึกษาเมื่อปี 2022 พวกเขาจำลองผลกระทบตามสถานการณ์ต่าง ๆ โดยสถานการณ์ที่มีความทะเยอทะยานที่สุดคือ การกำจัดที่จอดรถกลางแจ้งครึ่งหนึ่งของเมือง คิดเป็นประมาณ 11,000 คัน
ครอยเซอร์ให้เหตุผลว่า ในนครเมลเบิร์นมีที่จอดรถนอกถนนเพียงพอที่จะทำให้ไม่มีใครขาดที่จอดรถ ดังนั้น ควรเปิดให้ที่จอดรถในร่มเหล่านั้นเป็นพื้นที่สาธารณะและเข้าถึงได้
“หลักการพื้นฐานคือ การไม่สูญเสียการเข้าถึงที่จอดรถ” เขากล่าว
“และเราจะได้พื้นที่สีเขียวระหว่าง 50 ถึง 60 เฮกตาร์ (ราว 0.5-0.6 ตารางกิโลเมตร) ซึ่งช่วยทำให้เมืองเย็นลงและป้องกันน้ำท่วม” เขากล่าว
แม้ว่าดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ที่พื้นที่สีเขียวขนาดเล็กกระจายอยู่ทั่วไปในเมืองใหญ่ เช่น นครเมลเบิร์น จะเป็นประโยชน์ต่อสัตว์ป่าได้มากนัก แต่ครอยเซอร์กล่าวว่า เศษเสี้ยวของแหล่งที่อยู่อาศัยเหล่านั้นมีความสำคัญ
เขาอธิบายว่า พื้นที่เหล่านี้ช่วยให้สัตว์บางชนิดเคลื่อนย้ายและพัฒนาในสภาพแวดล้อมที่ต่างไปจากที่เคยอาศัยอยู่เป็นเวลาหลายปี
ในการศึกษาเกี่ยวกับการปูพื้นในนครเมลเบิร์นปี 2022 ทีมของครอยเซอร์ได้รวมแบบจำลองที่เสนอว่า การเพิ่มพืชพรรณเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้สัตว์บางชนิด เช่น ผึ้งแถบฟ้า มีพื้นที่ในการเคลื่อนที่ในเขตเมืองที่ใหญ่กว่าที่เคยเป็น
โรสเห็นด้วยกับครอยเซอร์ว่า หากการรื้อพื้นถนนจะเปลี่ยนโลกได้ ทั้งเมืองและแม้แต่ทั้งประเทศจะต้องยอมรับแนวทางนี้อย่างเต็มที่
และเพื่อไปถึงจุดนั้น ชุมชนต้องแสดงการสนับสนุนแนวคิดนี้
“ทุกอย่างเริ่มต้นจากการที่ผู้คนกดดันรัฐบาลของพวกเขาและเริ่มต้นการพูดคุยในระดับท้องถิ่นเล็ก ๆ” เธอกล่าว
“นั่นแหละคือวิธีที่มันเกิดขึ้น”


 


 


ขอขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล :https://www.bbc.com/thai/articles/clygy7j8zpno


ขอขอบคุณแหล่งที่มาของรูป : ELLE HYGGE, CIUDAD DE LOVAINA, CIUDAD DE LOVAINA,
CIUDAD DE LOVAINA, GETTY IMAGES