7 ผักผลไม้สีแดง อุดมสารต้านมะเร็ง เสริมสร้างภูมิต้านทาน

สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งนั้นส่วนใหญ่มาจากการทานอาหารและการดำเนินชีวิต การเลือกทานอาหารที่ถูกต้องจึงเป็นวิธีการหนึ่งที่อาจมีส่วนช่วยป้องกันมะเร็งได้ดีที่สุด ผักและผลไม้อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ มีวิตามินและแร่ธาตุมากมาย มีเส้นใยอาหาร มีไฟโตนิวเทรียนท์ ที่ร่างกายสร้างขึ้นเองไม่ได้ ผักผลไม้ที่มีสีแดง นอกจากจะมีสีสวย รสชาติอร่อย ยังมีประโยชน์หลากหลายต่อสุขภาพ มักจะมีสารสำคัญ คือ ไลโคปีน เบตาไซซีน และสารแอนโทไซยานิน ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงมาก ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งตามอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย และเสริมภูมิต้านทานต่อโรคต่างๆ ได้อีกด้วย


สารไลโคปีน เป็นเม็ดสีแคโรทีนอยด์ที่ให้สีแดงแก่พืชผักต่างๆ มีคุณประโยชน์ที่โดดเด่นคือ อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งบางชนิดได้ โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งปากมดลูก รวมถึงมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น ส่วนสารแอนโทไซยานิน อยู่ในกลุ่มฟลาโวนอยด์ เป็นเม็ดสีที่สามารถเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินหรือม่วงขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อม เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี อาจมีส่วนช่วยป้องกันมะเร็งหลายชนิด มีส่วนช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ ช่วยบรรเทาการอักเสบในร่างกาย สารเหล่านี้ยังช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน โรคกระดูกพรุน ช่วยให้ผิวแข็งแรงสดใสขึ้น และช่วยบำรุงสายตา ผักผลไม้สีแดง 7 ชนิด ที่น่าสนใจและได้นำมาแนะนำในบทความนี้ มีอะไรบ้างมาดูกันเลยค่ะ
1. ทับทิม
เมล็ดทับทิมมีรสหวานอมเปรี้ยว สีแดงสวย มีกลิ่นหอมจากน้ำตาลธรรมชาติ เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินเอ ซี อี เค ธาตุเหล็ก โฟเลต แคลเซียม โพแทสเซียม และแมกนีเซียม ผลทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงหลากหลายชนิด ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย สารกลุ่มโพลีฟีนอล สารพูนิคาลาจิน และแอนโธไซยานิน ช่วยลดการอักเสบของเนื้อเยื่อที่อาจจะเกิดเป็นเซลล์มะเร็งในร่างกายได้ และยังมีกรดเอลลาจิก ที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ในร่างกายมนุษย์ และยับยั้งการขยายตัวของเซลล์ที่ผิดปกติ ช่วยต้านสารก่อมะเร็งได้ดี โดยเฉพาะเซลล์มะเร็งปากมดลูก มะเร็งผิวหนัง มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ มะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น


2. แอปเปิล
แอปเปิลสีแดงเข้มเป็นสายพันธุ์ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระมากที่สุด อุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามินซี และเส้นใยอาหาร เปลือกแอปเปิลมีสารโพลีฟีนอล และฟลาโวนอยด์มากกว่าส่วนอื่นๆ มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ช่วยลดความเสียหาย ชะลอความเสื่อมของเซลล์ และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง รวมทั้งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด ช่วยลดคอเลสเตอรอล ช่วยป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ และยังช่วยช่วยให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์ และลดเลือนริ้วรอย ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันการติดเชื้อต่างๆ และช่วยให้ร่างกายแข็งแรง การทานแอปเปิลเป็นประจำอาจช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งหลอดอาหาร และมะเร็งเต้านม เป็นต้น


3. สตรอเบอร์รี
สตรอว์เบอร์รี ผลไม้สีแดงรสชาติหอมหวานอมเปรี้ยว มีวิตามินซีสูง และเป็นแหล่งของโฟเลต โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม แมงกานีส และฟอสฟอรัส เป็นผลไม้ที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูงมากหลากหลายชนิด เช่น แอนโทไซยานิน โปรไซยานิดิน และแอลลาจิกแทนนิน ไฟโตนิวเทรียนท์ บวกกับวิตามินซี และแร่ธาตุดีๆ อีกหลายชนิดในสตรอว์เบอร์รี เป็นส่วนสำคัญที่อาจช่วยในการต้านเซลล์มะเร็ง ช่วยป้องกันและยับยั้งการเกิดโรคมะเร็งได้ โดยเฉพาะโรคมะเร็งเต้านมในผู้หญิง รวมถึงมะเร็งตับและมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น สตรอว์เบอร์รีเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง จึงสามารถช่วยเสริมกำลังของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายได้ ดีต่อระบบไหลเวียนของหลอดเลือดอีกด้วย

4. แตงโม
แตงโม ผลไม้หน้าร้อน อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ บี ซี โพแทสเซียม แคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และเส้นใยอาหาร สารเบต้าแคโรทีน ลูทีน ไลโคปีน โคลีน ที่อยู่ในแตงโม จะเข้าไปช่วยปรับความสมดุล บรรเทาอาการโรคต่างๆ ช่วยให้สุขภาพแข็งแรงขึ้น เนื้อในสีแดงของแตงโมยังมีคุณค่าทางสารอาหารอีกมากมาย โดยเฉพาะสารไลโคปีนซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งต่อมลูกหมาก และโรคหัวใจได้ ช่วยลดระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด มีเบตาแคโรทีน ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ช่วยลดอาการติดเชื้อและการอักเสบในระบบทางเดินอาหาร ช่วยบำรุงสายตา ช่วยขับปัสสาวะ และช่วยบำรุงผิวพรรณและเส้นผมให้แข็งแรงเงางาม


5. ชมพู่
ชมพู่ ผลไม้ฉ่ำน้ำที่มีน้ำตาลน้อย อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ โดยเฉพาะวิตามินซีและเอที่มีมากในชมพู่ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี ชมพู่ที่มีผิวสีแดงอย่างชมพู่สาแหรก ชมพู่พลาสติก ชมพู่ทับทิมจันทร์ ยังอุดมไปด้วยสารไลโคปีน และชมพู่ที่มีผิวสีแดงเข้มไปจนถึงม่วงอย่างชมพู่มะเหมี่ยว จะมีสารแอนโทไซยานิน ซึ่งล้วนแต่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยต้านการเจริญเติบโตของเนื้องอกและเซลล์มะเร็ง จึงอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งบางชนิดได้ โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งปอด เป็นต้น อีกทั้งยังช่วยควบคุมระดับไขมันในเลือด ช่วยบำรุงสายตา ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยบำรุงผิว ดีต่อข้อต่อและกระดูก ทั้งยังอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับถ่าย

 


6. มะเขือเทศ
มะเขือเทศ ผลไม้สีแดงที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก วิตามินซี เอ บี1 บี2 อีกทั้งยังมีสารไลโคปีน แคโรทีนอยด์ เบต้าแคโรทีน และฟีนอลิก ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและโรคมะเร็งได้ ไลโคปีนอาจช่วยยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก หรือโรคมะเร็งชนิดอื่น เช่น มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งตับอ่อน เป็นต้น ทั้งยังช่วยบำรุงสุขภาพแทบทุกส่วน และโดดเด่นเรื่องบำรุงผิวพรรณ เส้นใยอาหารและน้ำที่เป็นส่วนประกอบหลัก ยังช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างดี และหากทานเป็นมะเขือเทศที่ปรุงสุกแล้ว ร่างกายก็จะได้รับสารไลโคปินเพิ่มขึ้นอีกด้วย


7. บีทรูท
บีทรูท เป็นพืชที่นิยมนำรากซึ่งอยู่ใต้ดินมาทาน อุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญหลายชนิด เช่น โฟเลต แมงกานีส โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก วิตามินซี เส้นใยอาหาร ช่วยลดระดับไขมันในเลือด ลดความดันโลหิต เสริมสมรรถภาพร่างกายให้แก่นักกีฬา เสริมการทำงานของตับ บีทรูทมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงหลายชนิด เช่น สารสีแดงที่เรียกว่า เบทานิน ซึ่งเป็นกรดอะมิโน มีสรรพคุณที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งและลดการเกิดของสารก่อมะเร็ง ช่วยลดการเติบโตของเนื้องอกได้ ทั้งยังช่วยบำรุงเลือดทำให้ไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย บำรุงไตและถุงน้ำดี ล้างพิษในร่างกาย แอนโทไซยานิน อาจช่วยในการยับยั้งเซลล์มะเร็ง ป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นต้น


จะเห็นได้ว่าผักผลไม้สีแดงนั้นมีประโยชน์มากมาย อาจมีส่วนช่วยต้านมะเร็งได้หลายชนิด และร่างกายยังได้รับสารอาหารที่จะช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นในร่างกายได้ อย่างไรก็ตาม การป้องกันและรักษาโรคมะเร็งต้องอาศัยกระบวนการอื่นร่วมด้วยจึงจะได้ประสิทธิภาพสูงสุด เช่น การเลือกทานอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่ ทานผักผลไม้หลากหลายชนิด เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน จะได้มีภูมิต้านทาน แข็งแรงปราศจากโรคภัย นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมน้ำหนัก ช่วยให้ผิวพรรณสดใส ทั้งนี้ยังรวมไปถึงการดูแลสุขภาพในด้านอื่นๆ เช่น การออกกำลังกาย งดสูบบุหรี่ ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พักผ่อนอย่างเพียงพอ ลดความเครียด ด้วยนะคะ


 

ขอบคุณข้อมูลจาก Facebook Bluzone


https://www.facebook.com/bluezonehabits/