การดื่มน้ำที่เพียงพอช่วยส่งเสริมการลดน้ำหนักได้จริง โดยเฉพาะก่อนมื้ออาหารจะช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรีมากขึ้น ลดโอกาสการดื่มน้ำหวาน ทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้น
การดื่มน้ำเพื่อลดน้ำหนัก สามารถทำได้ดังนี้
* หลังตื่นนอน ในเวลา 06.00 – 07.00 น. ดื่มน้ำ 1 แก้ว
ช่วยลดภาวะขาดน้ำจากการนอนหลับ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีและกระตุ้นการขับถ่าย
* ช่วงเช้า เวลา 08.00 – 09.00 น. ดื่มน้ำ 1 แก้ว
ก่อนมื้อเช้า 15 – 20 นาที แล้วค่อยกินมื้อเช้า หลังอาหารให้จิบน้ำเพียงครึ่งแก้ว
* ระหว่างวัน ในช่วงเวลา 09.00 – 13.00 น. ควรดื่มน้ำ 2 – 3 แก้ว
โดยดื่มไปเรื่อย ๆ เพื่อลดการสูญเสียน้ำในระหว่างวัน
* ช่วงบ่ายและเย็น เวลา 13.00 – 17.00 น. ดื่มน้ำ 2 แก้ว
* ช่วงเย็นและก่อนนอน เวลา 18.00 – 22.00 น ดื่มน้ำ 2 – 3 แก้ว
แบ่งเป็นดื่มก่อนและหลังกินมื้อเย็น และแบ่งบางส่วนไปดื่มช่วงก่อนนอน เพื่อล้างของเสียที่ค้างอยู่ในลำไส้ ทำให้นอนหลับสบายมากขึ้นและป้องกันร่างกายขาดน้ำขณะนอนหลับ
ปริมาณในการดื่มและข้อควรระวัง
* น้ำ 1 แก้ว เท่ากับน้ำประมาณ 240 มิลลิลิตร
* สามารถปรับเปลี่ยนปริมาณให้เหมาะสมกับจำนวนที่ต้องดื่มต่อวันของแต่ละคน โดยควรดื่มอย่างน้อยวันละ 8 – 10 แก้ว หรือ 2 ลิตรต่อวัน
* ต้องเป็นน้ำเปล่าสะอาด อุณหภูมิห้อง ไม่เย็นหรือร้อนจนเกินไป
* ไม่ดื่มน้ำแบบรวดเดียวหมดแก้ว แต่ควรจิบเรื่อย ๆ ตลอดวัน
* ในผู้ป่วยโรคหัวใจหรือโรคไต ควรดื่มน้ำในปริมาณที่จำกัด ตามคำแนะนำของแพทย์
ข้อมูลโดย รศ.(พิเศษ) พญ.ปนัดดา ศรีจอมขวัญ
ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ ด้านเบาหวาน ฮอร์โมน และเมตะบอลิสม
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
ข้อมูล ณ วันที่ 12 สิงหาคม 2566