บอร์ด สปสช. มอบทางเลือกวิธีล้างไตผู้ป่วยไตวายเรื้อรังสิทธิบัตรทอง เริ่ม 1 ก.พ. 65

ที่ประชุมบอร์ด สปสช. เห็นชอบให้ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังสิทธิบัตรทองที่ไม่สมัครใจรับบริการล้างไตผ่านทางช่องท้อง เลือกใช้วิธีล้างไตด้วยการฟอกเลือดได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินเอง เน้นหลักการให้ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง สามารถร่วมตัดสินใจเลือกวิธีการล้างไตกับแพทย์ เริ่มตั้งแต่ 1 ก.พ. 2565 นี้เป็นต้นไป
          ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ครั้งที่ 1/2565 วันที่ 6 ม.ค. 2565 มีมติเห็นชอบข้อเสนอการช่วยเหลือค่าบริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมแก่ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ไม่สมัครใจรับบริการล้างไตผ่านทางช่องท้อง และเตรียมเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2565 เป็นต้นไป
          นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) กล่าวว่า ที่มาของข้อเสนอนี้เนื่องจากการลงพื้นที่หน่วยบริการ ได้รับฟังปัญหาจากผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่แพทย์เลือกวิธีการล้างไตทางช่องท้อง (PD) ให้ แต่ตัวผู้ป่วยต้องการใช้วิธีล้างไตด้วยการฟอกเลือด (HD) จึงต้องแบกรับภาระค่าฟอกเลือดเองครั้งละ 1,500 บาท จึงนำเรื่องนี้หารือกับเลขาธิการ สปสช. เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ต้องจ่ายเงินเอง ซึ่ง สปสช. ได้ทำการศึกษารายละเอียดแล้วพบว่าสามารถทำได้  จึงนำมาสู่การเสนอความเห็นชอบจากบอร์ด สปสช.
          นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า หลักการในการพิจารณาเรื่องนี้ คือ การชดเชยบริการในส่วนที่ผู้ป่วยต้องจ่ายเงินเอง เพื่อป้องกันภาวะล้มละลายทางการเงิน โดยให้ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง (Patient centered care) สามารถร่วมตัดสินใจเลือกวิธีการล้างไตกับแพทย์โดยคํานึงถึงเศรษฐฐานะ พยาธิสภาพของโรค ปัจจัยทางสังคม ความเหมาะสม ขณะเดียวกันก็ต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนทางอ้อม (indirect cost) ที่จะเกิดขึ้นในการรับบริการด้วย ได้แก่ ค่าเดินทางในการมารับบริการที่หน่วยบริการ ตลอดจนความจําเป็นและคุณภาพบริการที่ผู้ป่วยจะได้รับ
           ขณะเดียวกัน นอกจากเสนอยกเลิกการชดเชยบริการในส่วนที่ผู้ป่วยต้องจ่ายเงินเองแล้ว สปสช. ยังเสนอให้ต่อรองราคาลดต้นทุนบริการล้างไตในทุกวิธีเพื่อลดภาระงบประมาณ เพิ่มจำนวนหน่วยบริการล้างไตและการเพิ่มบุคลากรด้านโรคไตในระบบ เพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยที่ต้องมาทำการฟอกเลือดเพิ่มขึ้น มีกลไกกำกับในกรณีที่ผู้ป่วยเปลี่ยนจากการล้างไตทางช่องท้องมาเป็นการฟอกเลือด (shift mode) เพื่อไม่ให้เพิ่มจนระบบบริการรองรับไม่ทัน ตลอดจนสนับสนุน เร่งรัด มาตรการป้องกันและชะลอจำนวนผู้ป่วยโรคไตรายใหม่

          ด้าน นพ.จักรกริช โง้วศิริ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า จากข้อมูลปัจจุบันมีผู้ป่วยที่ล้างไตด้วยวิธีฟอกเลือด 24,256 ราย และมีอีก 6,546 ราย ที่ไม่สมัครใจล้างไตทางช่องท้องแล้วเลือกจ่ายเงินเอง รวมเป็น 30,802 ราย ขณะที่ผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้องมี 32,892 ราย หากลบผู้ป่วยที่มีแนวโน้มเปลี่ยนไปใช้วิธีการฟอกเลือดออก คาดว่าจะมีผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้องอยู่ประมาณ 27,958 ราย ซึ่งต้นทุนการชดเชยค่าบริการสำหรับการฟอกเลือดในปัจจุบัน สปสช. จ่ายอยู่ที่ 197,700 บาท/ราย ขณะที่ต้นทุนการล้างไตทางช่องท้องอยู่ที่ 227,300 บาท/ราย หากใช้ระบบปัจจุบันจะมีค่าใช้จ่ายในการชดเชยค่าบริการทั้งการล้างไตทางช่องท้องและฟอกเลือดรวมกัน 12,271.8 ล้านบาท แต่หากมีการยกเลิกในส่วนที่ผู้ป่วยต้องจ่ายเงินเอง คาดว่าจะใช้งบประมาณ 13,419.9 ล้านบาท หรือมีส่วนต่าง 1,148.1 ล้านบาท เมื่อหักงบประมาณที่ตั้งไว้สำหรับค่ายาเพิ่มเม็ดเลือด (EPO) ออกไป จะมีภาระงบประมาณที่เพิ่มขึ้นทั้งหมด 1,079.9 ล้านบาท และเมื่อปรับลดงบประมาณสำหรับดำเนินการระยะ 8 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.พ.-ก.ย. 2565 เท่ากับเหลือภาระงบประมาณที่ต้องใช้ทั้งหมด 719.9 ล้านบาท
          "ขณะที่แหล่งงบประมาณที่ใช้ สปสช. มีงบฯ เหลือจ่ายปี 2564 ที่ไม่มีภาระผูกพัน 968.32 ล้านบาท เมื่อกันงบประมาณจ่ายสิทธิประโยชน์ใหม่ 5 รายการ รวม 238.59 ล้านบาท ออกไปแล้วจะเหลืองบประมาณที่ไม่มีภาระผูกพัน 729.73 ล้านบาท เมื่อใช้จ่ายกรณียกเลิกในส่วนที่ผู้ป่วยต้องจ่ายเงินเองไป 719.9 ล้านบาท จะยังคงเหลืองบประมาณที่ไม่มีภาระผูกพันอีก 9.83 ล้านบาท" นพ.จักรกริชกล่าว
          ทั้งนี้ เมื่อคณะกรรมการ สปสช.  พิจารณาตามหลักการและเหตุผลข้างต้นแล้ว  จึงมีมติเห็นชอบให้ดำเนินการให้ชดเชยค่าบริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมแก่ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ไม่สมัครใจรับบริการล้างไตทางช่องท้อง เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นและทางเลือกสำหรับผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย โดยคำนึงถึงความจําเป็นและคุณภาพบริการที่ผู้ป่วยจะได้รับ และใช้หลักการให้ประโยชน์ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ให้ผู้ป่วยสามารถร่วมตัดสินใจเลือกวิธีการล้างไตกับแพทย์โดยคํานึงถึงเศรษฐฐานะ พยาธิสภาพของโรค ปัจจัยทางสังคม ความเหมาะสม โดยสำนักงาน สปสช. จะนำไปดำเนินการทันทีและคาดว่าจะเริ่มได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2565 เป็นต้นไป
          ด้าน นายอนุทินกล่าวอีกว่า ในปี 2565 เป็นการใช้งบฯ เหลือจ่าย แต่ในปีถัด ๆ ไปจะต้องพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้ครอบคลุมการดำเนินการในส่วนนี้ด้วย