ปัญหาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ หรือ ภาวะ ED ของผู้ชายทั่วโลกมักจะเริ่มต้นจากอาการเพียงน้อยนิดที่น้อยคนนักจะใส่ใจหรือสังเกตเห็น ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้อาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่สร้างความเครียดได้มากกว่าที่คุณคิด
สาเหตุที่คุณผู้ชายส่วนใหญ่ปล่อยปละละเลยให้ภาวะเสื่อมสมรรถภาพกัดเซาะความเป็นชายและทำลายความสุขในชีวิตคู่ อาจเป็นเพราะไม่รู้ว่าสาเหตุของปัญหานกเขาไม่ขันที่แท้จริงคืออะไร และจะจัดการปัญหานี้ได้อย่างไร
หลายๆคนจึงมักหาวิธีแก้ไขปัญหาน้องชายไม่แข็งด้วยตัวเองโดยการใช้ยาเสริมสมรรถภาพเพศชาย โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่จะตามมาแบบไม่รู้ตัวคือผลข้างเคียงในระยะยาว ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วมีวิธีการรักษาหรือตัวช่วยที่ทำให้น้องชายของคุณกลับมาใช้งานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องผ่าตัดและเห็นผลได้จริง เช่น การรักษาด้วย Shockwave Therapy เป็นต้น
ED คืออะไร?
ภาวะเสื่อมสมรรถภาพ หรือหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction; ED) คือภาวะที่น้องชายไม่สามารถแข็งตัวได้หรือแข็งตัวได้ไม่เพียงพอในระหว่างการทำกิจกรรม ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้กับผู้ชายทุกวัยตั้งแต่วัยหนุ่มไปจนถึงผู้สูงอายุ
ปัญหานกเขาไม่ขันไม่ได้ส่งผลแค่เรื่องของความสัมพันธ์กับคนรักเท่านั้น แต่อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกปัญหาสุขภาพอื่นๆ เช่น ความเสื่อมของหัวใจและหลอดเลือด ภาวะฮอร์โมนเพศพร่องหรืออาจเกิดจากปัญหาทางด้านจิตใจ เช่น ภาวะวิตกกังวล ความเครียด ภาวะซึมเศร้า เป็นต้น
อันที่จริงหากภาวะ ED ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำ นับว่าเป็นเรื่องปกติ โดยสาเหตุที่พบบ่อยเกิดขึ้นจากความเครียด ปัญหาความสัมพันธ์ พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินไป ทำงานหนักเกินไป และการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ
สาเหตุของความเสื่อมสมรรถภาพมีอะไรบ้าง?
เลือกกลุ่มอายุที่เหมาะกับคุณ
อายุต่ำกว่า 40
อายุมากกว่า 40
การที่น้องชายของคุณจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยกระบวนการทำงานของระบบสมอง หัวใจ หลอดเลือด การไหลเวียนของเลือด ฮอร์โมน เส้นประสาท กล้ามเนื้อ รวมถึงปัจจัยทางจิตวิทยา ดังนั้น หากระบบการทำงานเหล่านี้เกิดความผิดปกติ ก็อาจส่งผลให้น้องชายของคุณไม่แข็งหรืออ่อนแรงได้
การแข็งตัวจะเกิดขึ้นได้เมื่อมีเลือดเข้ามาหล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อภายในอวัยวะเพศได้อย่างเต็มที่ เพื่อตอบสนองต่อการถูกกระตุ้นทางอารมณ์ แต่สำหรับคนที่มีภาวะ ED อาการนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย หรืออาจเกิดขึ้นได้ไม่เต็มที่ ทำให้ความแข็งตัวมีไม่มากพอในระหว่างทำกิจกรรม
โดยปกติภาวะ ED จะพบได้บ่อยกับผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ประมาณ 40% และเกือบ 70% ได้รับผลกระทบเมื่ออายุ 70 ปี
อายุต่ำกว่า 40 ปี
- สูบบุหรี่
การสูบบุหรี่มีผลเสียต่อสุขภาพมากมาย รวมทั้งก่อให้เกิดภาวะ ED ในผู้ชายทุกวัย
เนื่องจากการสูบบุหรี่สามารถทำลายระบบทุกส่วนภายในร่างกายคุณได้ สารเคมีในควันบุหรี่จะไปทำลายหลอดเลือด ยับยั้งการไหลเวียนของเลือด ฉะนั้น แม้ว่าระบบประสาทจะทำงานได้ดี แต่น้องชายของคุณจะไม่สามารถแข็งตัวได้หากหลอดเลือดไม่แข็งแรง
- ดื่มแอลกอฮอล์
แม้ว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อจะช่วยให้กิจกรรมบนเตียงดูไหลลื่น แต่การดื่มมากเกินไปอาจส่งผลต่อสมรรถภาพของคุณผู้ชายได้ เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะไปกดระบบประสาท ยิ่งดื่มหนักก็ยิ่งทำให้การแข็งตัวเป็นไปได้ยากขึ้น นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังทำให้ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนลดลง ส่งผลทำให้ความต้องการทางเพศลดลง ดังนั้น จึงควรจำกัดปริมาณการดื่มและหลีกเลี่ยงการแก้ปัญหาด้วยการซื้อยาเสริมสมรรถภาพเพศชายทานเอง
- ภาวะทางด้านจิตใจ
ถ้าคุณกำลังเผชิญปัญหาภาวะนกเขาไม่ขันและคิดว่าสุขภาพโดยรวมก็แข็งแรงปกติ แสดงว่าภาวะนี้มีสาเหตุมาจากสภาพจิตใจของคุณ
ผู้ชายที่มีความเครียด ภาวะซึมเศร้า ไม่มั่นใจตัวเอง และมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับสมรรถภาพของตัวเอง อาจเป็นสาเหตุที่นำไปสู่ภาวะ ED ได้ในที่สุด เพราะปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลต่อสมองที่จะไปกระตุ้นการตอบสนองทางกายภาพไม่ให้เกิดการแข็งตัวได้อย่างเต็มที่
ภาวะหย่อนสมรรถภาพ หรือ ED สามารถรักษาและฟื้นฟูได้ตั้งแต่ผู้ที่มีปัญหาเพียงเล็กน้อยไปจนถึงผู้ที่มีโรคประจำตัว โดยการพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยอย่างละเอียดและพิจารณาแนวทางการรักษาที่ปลอดภัย โดยไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลได้จริง และไม่รุกรานร่างกาย เช่น การบำบัดด้วย Shockwave หรืออาหารเสริมสุขภาพชาย
อายุมากกว่า 40 ปี
นกเขาของคุณจะทำงานและมีประสิทธิภาพได้เต็มที่เมื่อมีเลือดสูบฉีดเข้าไปเลี้ยงอวัยวะเพศได้มากพอ ฉะนั้น ปัจจัยใด ๆ ก็ตามที่ส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด ก็สามารถทำให้น้องชายไม่แข็งได้ โดยสาเหตุทางการแพทย์ที่พบบ่อยที่สุด คือ “เกิดจากหลอดเลือดและภาวะหัวใจ”
- ภาวะหลอดเลือดแข็ง หรือโรคหัวใจและหลอดเลือด
ปัญหาคราบพลัคที่สะสมในหลอดเลือดแดงจะทำให้เกิดอาการตีบหรืออุดตัน ซึ่งนำไปสู่อาการหย่อนสมรรถภาพ หรืออาจทำให้เกิดภาวะหัวใจวายได้
ผู้ชายที่มีปัญหาหลอดเลือดตีบหรืออุดตันบริเวณอวัยวะเพศ จะทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนได้ดีเหมือนกับคนที่แข็งแรงและมีสุขภาพดี ส่งผลให้การแข็งตัวทำได้ไม่มากพอหรือไม่สามารถแข็งตัวได้เลย
ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกับหลอดเลือดและมีแนวโน้มที่จะทำให้การเกิดภาวะ ED
- ความดันโลหิตสูง
- ระดับคอเลสเตอรอลสูง
- โรคเบาหวาน
- โรคอ้วน
- การสูบบุหรี่หรือยาสูบ เช่น ซิการ์
โรคความดันโลหิตสูง
ผู้ชายที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงมีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะนกเขาไม่ขันเพิ่มมากขึ้นเกือบ 2 เท่า เมื่อเทียบกับคนปกติ เนื่องจากปัญหาการไหลเวียนของเลือดบริเวณองคชาต นอกจากนี้ ความดันโลหิตสูงยังส่งผลต่อความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและการเสียชีวิตอีกด้วย
นอกจากความดันโลหิตสูงจะทำให้อวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายถูกทำลายแล้ว ยังส่งผลให้ผนังหลอดเลือดหนาขึ้นและรูเล็กลง ทำให้เลือดวิ่งไปยังบริเวณองคชาตได้น้อยลง นับได้ว่าภาวะ ED เป็นสัญญาณเตือนความเสียหายของหลอดเลือดได้ในหลายกรณี
ระดับคอเลสเตอรอลสูง
คอเลสเตอรอลคือไขมันชนิดหนึ่งที่พบได้ในส่วนของผนังเซลล์ทุกเซลล์ของมนุษย์ หากร่างกายของเรามีคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (หรือที่เรียกว่า LDL) มากเกินไป มันจะไปเกาะตามผนังหลอดเลือดทำให้เกิดการตีบตันและเลือดไม่สามารถไหลเวียนไปที่องคชาตได้
ยิ่งระดับคอเลสเตอรอลสูงเท่าไร ยิ่งทำให้ปัญหาการแข็งตัวของน้องชายรุนแรงขึ้น นอกจากนี้ คอเลสเตอรอลยังทำให้ร่างกายผลิตและปล่อยสารเคมีที่ส่งผลกับการแข็งตัวได้ยากขึ้น รวมถึงไนตริกออกไซต์ที่ช่วยขยายหลอดเลือดและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ลดการสะสมของคราบพลัค ก็ทำได้ยากขึ้นเช่นกัน
โรคเบาหวาน
ภาวะหย่อนสมรรถภาพถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับผู้ชายที่เป็นเบาหวาน โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเบาหวาน ชนิดที่ 2 (ภาวะที่ร่างกายไม่สามารถตอบสนองต่ออินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพ) ทำให้เกิดความเสียหายต่อเส้นประสาท หลอดเลือด และการทำงานของกล้ามเนื้อ อันเนื่องมาจากการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดที่ไม่ดี
ผู้ชายที่เป็นเบาหวานมักมีปัญหาการแข็งตัวของน้องชายมากกว่าคนปกติ โดยเฉพาะกรณีคนที่ไม่ได้ควบคุมเบาหวานได้ดีมากพอ อย่างไรก็ตาม หากสามารถรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ก็จะช่วยลดโอกาสการเกิดปัญหาเหล่านี้ได้
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล :www.tsp-antiaging.com
โรคอ้วน/น้ำหนักเกิน
ผู้ชายที่มีภาวะโรคอ้วนหรือมีน้ำหนักตัวเกิน นอกจากจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดแล้ว ยังมีโอกาสที่จะเผชิญกับภาวะนกเขาไม่ขันมากกว่าคนน้ำหนักปกติ อีกทั้งยังทำให้ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน หรือฮอร์โมนเพศชายต่ำลง ซึ่งหากระดับฮอร์โมนเพศพร่องหรือไม่สมดุลก็สามารถก่อให้เกิดปัญหาการหย่อนสมรรถภาพได้
ภาวะหย่อนสมรรถภาพ หรือ ED สามารถรักษาและฟื้นฟูได้ตั้งแต่ผู้ที่มีปัญหาเพียงเล็กน้อย ไปจนถึงผู้ที่มีโรคประจำตัว โดยการพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยอย่างละเอียด และพิจารณาแนวทางการรักษาที่ปลอดภัย โดยไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลได้จริง และไม่รุกรานร่างกาย เช่น การบำบัดด้วย Shockwave หรืออาหารเสริมสุขภาพ
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล :www.tsp-antiaging.com