ลุ้น! ร่างพ.ร.บ.คุ้มครองบุคลากรสาธารณสุข ทำงานนอกเวลาราชการไม่เกิน 40 ชม./สัปดาห์ ฝ่าฝืนมีโทษ!

“หมอวีระพันธ์” เผยร่างพ.ร.บ.คุ้มครองการปฏิบัติงานของบุคลากรสาธารณสุข กำหนดชั่วโมงการทำงานอิงตามแพทยสภา และฉบับของ “หมอเมธี” กำหนดนอกเวลาราชการไม่เกิน 40 ชม./สัปดาห์ หากออกเป็นกฎหมายเมื่อไรต้องปฏิบัติ ไม่ทำมีโทษ ย้ำ! ยังเป็นร่างแรก ปรับแก้ไขได้ คาดสัปดาห์หน้าขึ้นเว็บไซต์ระดมรายชื่อหนุนอย่างน้อย 1 หมื่นคน ขับเคลื่อนเป็นกฎหมาย


วันที่ 12 พ.ย.2568 นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา รองประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้า (ร่าง) พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองการปฏิบัติงานของบุคลากรสาธารณสุข พ.ศ... ว่า จากการขับเคลื่อน (ร่าง) พ.ร.บ.ดังกล่าว ขณะนี้ได้รับการรับรองจากประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว อยู่ในขั้นตอนยื่นขอรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งอย่างน้อย 10,000 คน ซึ่งคาดว่าภายในวันที่ 18 พ.ย.นี้ ประชาชนทุกคนมีสิทธิในการยื่นรายชื่อสนับสนุนร่างกฎหมายนี้ โดยจะมีการเผยแพร่ผ่านระบบออนไลน์ ตนจะแจ้งความคืบหน้าเรื่องนี้อีกครั้ง จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการจัดทำกฎหมายต่อไป


นพ.วีระพันธ์กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากมีการดำเนินการเรื่องกฎหมายคุ้มครองผู้ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุข ปรากฏว่าส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนอย่างมาก แต่ก็มีบางเสียงที่บอกว่า คุ้มครองแต่ตนเอง ไม่คุ้มครองคนไข้หรืออย่างไร จริงๆ คือ คุ้มครองทั้งหมด เพราะเป้าหมายหลักคือ ต้องการการบริการดูแลคนไข้ดีที่สุด เป้าหมายไม่ใช่แค่บุคลากร อีกทั้งปัจจุบันมีกฎหมายคุ้มครองผู้ป่วยอยู่ จึงไม่ต้องกังวล


สำหรับการขับเคลื่อน (ร่าง) พ.ร.บ.คุ้มครองการปฏิบัติงานของบุคลากรสาธารณสุขนั้น ก็เพื่อต้องการให้บุคลากรสามารถดูแลคนไข้ได้อย่างเต็มที่ เพราะหากบุคลากรมีกำลังพร้อมในการดูแลคนไข้ ย่อมส่งผลดีต่อการรักษา และสุดท้ายคนไข้ก็ได้ประโยชน์


“ทุกวันนี้เรารู้อยู่แล้วว่า หมอ พยาบาล บุคลากรสาธารณสุขทุกสายงานมีภาระงานหน้าที่หนัก บางคนสุ่มเสี่ยงถูกทำร้ายร่างกายจากข่าวที่ปรากฏอยู่เรื่อยๆ ล่าสุดมีเรื่องปัญหาการจัดสรรงบบัตรทอง ทำให้ได้รับค่าตอบแทนช้า ในขณะที่ภาระงานมาก พักผ่อนไม่พอ เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุกับตนเอง สิ่งเหล่านี้หากต้องมาแก้ปัญหาทีละจุดจะค่อนข้างยาก และไม่เป็นการแก้ปัญหาภาพใหญ่ ที่ผ่านมาเคยตั้งกระทู้รมต. แม้จะมาตอบ แต่ก็ไม่ได้แก้ไขจริงๆ เป็นการแก้ไขเฉพาะหน้า ดังนั้น ต้องทำอะไรให้ยั่งยืน นั่นคือ ต้องมีกฎหมายออกมา” นพ.วีระพันธ์กล่าว


เมื่อถามว่าการกำหนดชั่วโมงการทำงานจะทำได้จริงแค่ไหน เพราะบริบทผู้มารับบริการควบคุมยาก นพ.วีระพันธ์กล่าวว่า หากเป็นกฎหมายก็ต้องปฏิบัติ ไม่ปฏิบัติ สถานพยาบาลก็จะมีโทษปรับ อย่างไรก็ตาม เรื่องกำหนดชั่วโมงการทำงานมาจากผลการศึกษาของรศ.นพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ กรรมการแพทยสภา เคยจัดทำร่าง พ.ร.บ. ชั่วโมงการทำงานฯ แต่เมื่อมีการหารือกันในคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา มองว่าควรขยายให้ครอบคลุมทั้งหมด จึงเป็นที่มาของการจัดทำร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองการปฏิบัติงานของบุคลากรสาธารณสุข ซึ่งจะครอบคลุมเรื่องความปลอดภัยการทำงานทั้งหมดของบุคลากรฯ


นพ.วีระพันธ์ กล่าวอีกว่า หมอ 1 คน ทำงานโดยไม่ได้พัก จนเหนื่อยล้า ไม่ได้นอนมา 72 ชั่วโมง ต้องถามว่า สมควรให้รักษาคนไข้ต่อหรือไม่ คุณจะกล้าให้เขามารักษาพ่อแม่ ครอบครัวเราหรือไม่ แบบนี้สุ่มเสี่ยง และหมอยังเสี่ยงโดนฟ้องร้องอีก จึงจำเป็นต้องจำกัดชั่วโมงการทำงาน ส่วนระยะเวลาต้องมาดูจำนวนแพทย์ก่อน อย่างแพทย์ในประเทศไทยมีประมาณ 7 หมื่นคน หากนับตามองค์การอนามัยโลก 1 ต่อพันคน ถือว่าพอ แต่ที่มีปัญหา คือ กระจายไม่เพียงพอ หมอเชี่ยวชาญมากเกินไป หมอเวชศาสตร์ครอบครัวน้อย จึงต้องมากระตุ้น มีแรงจูงใจมากขึ้น ดังนั้น การกำหนดเวลาชั่วโมงทำงาน จะโยงเรื่องการกระจายแพทย์ด้วย เป็นการบังคับตามกฎหมายเรื่องกระจายแพทย์ ซึ่งหากพ.ร.บ.ออกมา ก็จะมีเวลาอีก 180 วันในการดำเนินการ


“สำหรับประกาศแพทยสภา จะมีผลกับอินเทิร์น แต่ไม่ค่อยมีผลจริง เพราะเป็นแนวทางว่า ไม่ควรอยู่เวรเกินจำนวนนี้ แต่ความเป็นจริง ทำไม่ได้เลย ส่วนเรื่องกำหนดชั่วโมงการทำงานนั้น ระบุอิงตามประกาศของแพทยสภา และร่างพ.ร.บ.ของ นพ.เมธี แต่นี่เป็นเพียงร่างแรกเท่านั้น ยังอยู่ระหว่างกระบวนการ ดังนั้น สามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขได้” นพ.วีระพันธ์กล่าว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองการปฏิบัติของบุคลากรสาธารณสุข กำหนดจำนวนชั่วโมงปฏิบัติงานและค่าตอบแทนไว้ในหมวด 2 เช่น
-ชั่วโมงปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ ต้องไม่เกินกว่า 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
-ชั่วโมงปฏิบัติงานในวันหยุดราชการ ต้องไม่เกิน 12 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และไม่เกิน 2 วันติดต่อกัน เว้นแต่กรณีที่เป็นเวรปฏิบัติหน้าที่ตามการเรียกตัว หรือกรณีที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่ในสถานพยาบาลของรัฐตลอดเวลาปฏิบัติงาน แต่ต้องพร้อมปฏิบัติงานเมื่อมีการตามตัว หรือมีคำสั่งเรียกให้เข้าปฏิบัติงาน เช่น สามารถปฏิบัติได้ 24 ชั่วโมงต่อวัน แต่ต้องไม่เกิน 3 วันติดต่อกัน
-ชั่วโมงหยุดพักการปฏิบัติงาน ต้องไม่ต่ำกว่า 60 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และไม่น้อยกว่าสัปดาห์ละ 1 วัน โดยมีระยะห่างกันไม่เกิน 6 วัน
-ชั่วโมงปฏิบัติงานเพิ่มเติมทั้งหมด เมื่อรวมกันแล้วต้องมีจำนวนชั่วโมงหยุดพักการปฏิบัติงานไม่ต่ำกว่า 60 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
-ชั่วโมงปฏิบัติงานในกรณีฉุกเฉิน ต้องไม่มีการกำหนดแน่นอนตายตัว ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามที่สถานพยาบาลของรัฐเห็นควรในกรณีฉุกเฉิน และให้การปฏิบัติงานสิ้นสุดลงทันทีที่ภารกิจฉุกเฉินเสร็จสิ้น


สำหรับบทกำหนดโทษนั้น มีการระบุไว้ในมาตรา 30 ระบุว่าสถานพยาบาลของรัฐใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.นี้ โดยไม่มีเหตุอันสมควร ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท และต้องชดเชยค่าตอบแทนแก่บุคลากรที่ถูกละเมิดสิทธิจนครบจำนวน


ส่วนผู้อำนวยการสถานพยาบาลของรัฐหรือหัวหน้าหน่วยบริการสาธารณสุขใดที่เจตนาละเลยไม่ปฏิบัติการตามหน้าที่ที่บัญญัติไว้ โดยไม่มีเหตุอันสมควร ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท และให้ถือเป็นความผิดทางวินัยตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง

 


ขอขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล :https://www.hfocus.org/content/2025/11/35976