สาธารณสุขไทยมีอะไรในปีที่ผ่านมา

ประเดิมปีใหม่ด้วย 6 โรคที่ต้องระวังและปัญหาฝุ่น PM2.5 ตามด้วยการปรับเปลี่ยนเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข จัดตั้งศูนย์ NCDs นโยบาย “นับคาร์บ” ผ่าน อสม. และแพทยสภาฟัน “3 แพทย์" ปมชั้น 14 "อิมครานิบ100” ยาทางเลือกมะเร็ง ตามมาด้วยความสำเร็จของหลายโรงพยาบาล


จากสถานการณ์ผันผวนทางเศรษฐกิจและการเมืองมาตลอดปี 2568 ทางการสาธารณสุขก็ไม่แพ้กันเลย ประเดิมปีใหม่มา รัฐบาลเตือน 6 โรค ต้องระวังช่วงปีใหม่2568 หลังเฉลิมฉลอง ท่องเที่ยว มีโควิด-19 ปัจจุบันแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มขึ้น เนื่องจากประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาว เชื้อไวรัสแพร่กระจายได้ดี ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก โรคไอกรน โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน/อาหารเป็นพิษ จากเชื้อโนโรไวรัส (Norovirus) และโรคติดเชื้อสเตร็ปโตคอคคัสซูอิส หรือโรคไข้หูดับ รวมทั้ง ขอให้ประชาชนระมัดระวังโรคติดต่อจากต่างประเทศ เช่น ไข้หวัดนก ฝีดาษวานร และไข้โอโรพุช โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาด รวมทั้งปัญหาฝุ่น PM2.5


ในส่วนของคุณหมอ-คุณพยาบาลนั้นช่วงต้นปีทางสำนักงาน ก.พ. และกระทรวงสาธารณสุขได้ออกหลักเกณฑ์ฉบับใหม่ ครอบคลุมทั้งตำแหน่งสายวิชาการ และการประเมินแต่งตั้งระดับเชี่ยวชาญในตำแหน่งหัวหน้าพยาบาล (พยาบาลวิชาชีพเชี่ยวชาญ) โดยมีผลใช้ในปี 2568 ทำให้เอกสารแนวทางเดิมที่ใช้กันอยู่จำเป็นต้องปรับปรุงให้ทันต่อข้อกำหนดใหม่ทั้งหมด และมีการเสนอให้ทาง ก.พ. พิจารณาและเห็นชอบให้กระทรวงสาธารณสุขแยกตัวออกจาก ก.พ. ซึ่งเป็นการดำเนินการภายใต้(ร่าง) พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข หรืออีกทางออก คือ ตั้งคณะอนุกรรมการชุดพิเศษสำหรับกระทรวงสาธารณสุขโดยเฉพาะ แต่อยู่ในกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่เรียกว่า " ก.พ.(สธ.) " เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์


โดยช่วงนี้มีการจัดตั้งศูนย์ NCDs เพื่อเก็บข้อมูลเพื่อส่งเสริมการลดจำนวนผู้ป่วย เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขในระยะกลาง และระยะยาวแล้วนั้น และหนึ่งในแนวทางระยะกลางที่กระทรวงสาธารณสุขขับเคลื่อนคือ การลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ด้วยนโยบาย “นับคาร์บ” ผ่าน อสม. ที่จะให้คำแนะนำประชาชนในการลดคาร์โบไฮเดรตในชีวิตประจำวัน โดยท่านรัฐมนตรี สมศักดิ์ และในช่วงฤดูฝนและเปิดเทอม ตัวเลขป่วยสะสมโควิด 324,692 ราย พบมากสุด กทม. ชลบุรี ระยอง ภูเก็ต และนครปฐม ส่วนการระบาดในไทยยังเป็นสายพันธุ์ XEC ติดเชื้อได้ง่าย แต่อาการไม่ได้รุนแรง


ข่าวดังอีกข่าวหนึ่งคือ แพทยสภาฟัน “3 แพทย์" ปมรักษา “ทักษิณ” ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่ามีภาวะวิกฤตเกิดขึ้น โดย ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ แถลงว่า ที่ประชุมกรรมการแพทยสภา ที่ 5/2568 มีการพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ กรณีกล่าวโทษแพทย์ ร.พ.ราชทัณฑ์ และร.พ.ตำรวจผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม ที่ประชุมมีมติลงโทษแพทย์ 3 ท่าน โดยตักเตือน1 ท่าน ในกรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน และพักใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 ท่านกรณีให้ข้อมูลและเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง หลังจากนี้จะนำเสนอมติต่อสภานายกพิเศษ คือ รมว.สธ.เพื่อขอความเห็นชอบก่อนจะดำเนินการตามมติ และการประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน ในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2568 มีวาระสำคัญคือ การพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ แห่งแพทยสภา วาระนี้มีกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุม จำนวน 68 ราย จากจำนวนกรรมการแพทยสภาที่มีสิทธิลงคะแนนทั้งสิ้น 69 ราย ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯที่มีสิทธิลงคะแนนทั้งคณะ ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ.2568

ที่ต้องกล่าวถึงอีกข่าวคือ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โดยศูนย์มะเร็งวิทยา ได้พิจารณานำยา "อิมครานิบ100"จากโรงงานผลิตเภสัชภัณฑ์ในพระดำริ มาใช้ในฐานะโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านโรคมะเร็งเป็นแห่งแรก โดยอิมครานิบ100 สามารถรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิดซีเอ็มแอล


มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดฟิลาเดลเฟียบวก มะเร็งเนื้อเยื่อในระบบทางเดินอาหารหรือมะเร็งจิสต์ (GIST) และ มะเร็งผิวหนังชนิดหายาก (DFSP) เพื่อเป็นทางเลือกในการรักษา


ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ได้รับผู้ป่วยเด็กหญิงอายุ 14 ปี ซึ่งถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีดจนมือขวาขาดระดับข้อมือ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 เวลาประมาณ 23.00 น. ผู้ป่วยถูกนำส่งเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน ผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาลในภาวะบาดเจ็บรุนแรง มือขวาขาด มีแผลฉีกขาดและเสียเลือดจำนวนมาก การรับความรู้สึกและการเคลื่อนไหวของมือสูญเสียทั้งหมด โดยมีทีมแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งได้ทำการผ่าตัดฉุกเฉินเพื่อเชื่อมต่อแขนและมือขวาของผู้ป่วย ใช้เวลาผ่าตัดยาวนานเกือบ 20 ชั่วโมง และ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ยังประสบความสำเร็จในการผ่าตัดปลูกถ่ายตับระหว่างคู่ฝาแฝดชาย อายุ 20 ปี คู่แรกของประเทศ นับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในวงการแพทย์ไทยรวมทั้ง สถาบันออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลเลิดสิน เปิดตัว “Lerdsin Medical 3D Printing and Innovation Center” ศูนย์นวัตกรรมทางการแพทย์แห่งแรกของกรมการแพทย์ ที่มุ่งผลักดันการใช้เทคโนโลยี 3D Printing ในการรักษาและวางแผนการผ่าตัดเฉพาะบุคคล เพื่อลดความเสี่ยง เพิ่มความแม่นยำ และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยไทย


เหตุการณ์สำคัญอีกเหตุการณ์หนึ่งคือ กรมบัญชีกลางได้ออกหนังสือแจ้ง “กำหนดอัตราเบิกจ่ายค่ายารักษาโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง” 31 รายการ เริ่ม 1 พ.ย.2568 เพื่อให้การเบิกจ่ายเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ มีผลกับผู้ป่วยกลุ่มโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งไขกระดูก มะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคผิวหนังเรื้อรัง ภูมิคุ้มกันผิดปกติ เป็นต้น นอกจากนั้น ยังมีเรื่องทางทันตแพทยสภาเตือนเปลี่ยนยางจัดฟันต้องทำโดยทันตแพทย์ ไม่ใช่ "ผู้ช่วยทันตแพทย์" เข้าข่ายผิดพ.ร.บ.วิชาชีพฯ-ผิดกฎหมายความปลอดภัยของผู้ป่วย เสี่ยงติดเชื้อ เกิดภาวะแทรกซ้อน


ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้อีกข่าวนั้นคือ “ยาดม”ชื่อดัง หลังจากอย.แจ้งว่ามีสารปนเปื้อน จนนำไปสู่การปรับปรุงโรงงาน ส่วนกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ชู 2 ตำรับยา "ปลุกพลังสมรรถภาพทางเพศ " ได้แก่ ยาอายุวัฒนะ และยากำลังราชสีห์ สูตร 1 ล่าสุดเตรียมเดินหน้าศึกษา วิจัย เพื่อต่อยอดเชิงพาณิชย์ รวมทั้ง “บอร์ด สปสช.” เคาะนโยบายฟอกไตฟรีทุกแห่ง – ขยายบริการปลูกถ่ายไต เร่งร่างแผนและมาตรการของประกาศฉบับใหม่รองรับรักษาสิทธิ์ผู้ป่วยได้รับการฟอกไตตามวิธีที่เหมาะสม ผ่านการประเมินโปร่งใส เป็นธรรม


อย่างไรก็ตาม ข่าวที่เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขว้างนั่นคือ การให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้ในงานด้านสารสนเทศและการวิจัย ซึ่งเป็นการยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลสุขภาพให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ ช่วยให้ศัลยแพทย์ทำการผ่าตัดรักษาโรคซับซ้อนได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ ช่วยลดผลข้างเคียง ลดภาวะแทรกซ้อน และผู้ป่วยมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เช่น โรงพยาบาลราชวิถี ฉลองความสำเร็จผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ครบ 1,100 ราย


อย่างไรก็ดีช่วงปลายปีนี้มีแต่ข่าวเกี่ยวกับระบบประกันสุขภาพมีปัญหา แต่คงต้องฝากไว้ถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น สปสช.หรือประกันสังคม ช่วยดูแลระบบประกันสุขภาพ เพราะคุณเป็นความหวังของประชาชนที่จะเข้าถึงการรักษาได้