องค์การอนามัยโลกเร่งตรวจสอบหลังพบไวรัสในน้ำอสุจิของผู้ป่วยโรคฝีดาษลิง

ทั่วโลกพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิง (Monkeypox) เพิ่มขึ้นแตะ 1,900 ราย ในกว่า 30 ประเทศ องค์การอนามัยโลกเร่งตรวจสอบ หลังพบเชื้อไวรัสในน้ำอสุจิของผู้ป่วย ยังไม่ฟันธงเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
          หลายประเทศทั่วโลกยังคงรายงานพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยสหราชอาณาจักรซึ่งเป็นประเทศแรกที่ออกมายืนยันว่าพบการระบาดในช่วงปลายเดือนเมษายน  ขณะนี้มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทะลุ 500 รายแล้ว ขณะที่สหรัฐฯ มีผู้ป่วยในประเทศมากกว่า 70 ราย และแคนาดาพบผู้ป่วยแล้วเกือบ 160 ราย
          จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ทำให้องค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกประชุมฉุกเฉินในวันพฤหัสบดีที่ 23 มิ.ย. ที่จะถึงนี้ เพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ในการที่จะกำหนดให้โรคฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (PHEIC) ซึ่งถือเป็นระดับการเตือนสูงสุดที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อประเทศอื่น ๆ จากการแพร่ระบาดระหว่างประเทศ
          โรคฝีดาษลิงซึ่งเป็นโรคประจำถิ่นที่พบการแพร่ระบาดอยู่ทั่วไปในทวีปแอฟริกา ปกติแล้วถูกระบุว่าเป็นโรคที่ไม่ได้ติดต่ออย่างง่ายดาย โดยจะแพร่กระจายเชื้อผ่านการสัมผัสใกล้ชิดทางผิวหนังกับผู้ติดเชื้อโดยตรง หรือวัตถุที่มีการปนเปื้อนเชื้อไวรัส แต่สิ่งที่ทำให้เป็นที่กังวลอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากเกิดการระบาดนอกทวีปแอฟริกาและกำลังแพร่กระจายไปยังหลายประเทศทั่วโลก
           ด้วยเหตุนี้ นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกจึงพยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติการณ์การระบาดของเชื้อไวรัส ทั้งในเรื่องที่มาที่ไปของการออกมาระบาดนอกทวีปแอฟริกา รวมถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นกับไวรัส และล่าสุดได้มีการตรวจพบดีเอ็นเอของไวรัสปะปนอยู่ในน้ำอสุจิของผู้ป่วยที่ติดเชื้อซึ่งผิดแปลกไปจากเดิมที่เข้าใจว่าไวรัสจะผ่านเข้าสู่ร่างกายของคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่งผ่านการสัมผัสทางผิวหนังเท่านั้น
           องค์การอนามัยโลกออกมาเปิดเผยเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ว่ากำลังทำการสืบสวนข้อค้นพบดังกล่าว หลังจากที่ได้รับรายงานมาว่าผลการตรวจสอบในห้องแล็บพบว่าไวรัสที่อยู่ในน้ำอสุจิของผู้ป่วยรายหนึ่งสามารถแพร่ไปยังคนอื่นและแบ่งตัวได้เมื่ออยู่ในร่างกายของมนุษย์ เพื่อดูความเป็นไปได้ที่ไวรัสตัวนี้จะสามารถติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์
           อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกยังคงไม่ยืนยันว่าฝีดาษลิงจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยให้เหตุผลว่าแค่การพบดีเอ็นเอของไวรัสในน้ำอสุจิไม่สามารถบ่งชี้ได้ว่าโรคนี้จะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่นเดียวกับ เอชไอวี หรือเอดส์ และซิฟิลิส ในกรณีนี้จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาต่อไปว่าสารพันธุกรรมของไวรัสฝีดาษลิงที่พบในน้ำอสุจิจะช่วยเพิ่มโอกาสในการติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสหรือไม่
           ดร.แคเธอรีน สมอลล์วูด ผู้จัดการด้านการระบาดของโรคฝีดาษลิงขององค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคยุโรป เปิดเผยว่า ยังคงไม่มีความชัดเจนว่าไวรัสฝีดาษลิงจะสามารถแพร่เชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ได้หรือไม่ “นี่อาจเป็นเรื่องที่เราไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับไวรัสตัวนี้ เราจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับรูปแบบการติดเชื้อที่บ่อยที่สุด และเราก็ได้เห็นอย่างชัดเจนว่ามันเกี่ยวข้องกับการสัมผัสทางผิวหนัง”

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล :  https://workpointtoday.com/monkeypox-who/