อันตรายจากการติดโรค COVID-19 ในช่วงตั้งครรภ์

ทบทวนการศึกษาของ Jose Villar และคณะ ที่ตีเผยแพร่ทางเว็บไซต์ (Online First) ของวารสาร Lancet  เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 โดยแพทย์หญิง Deborah Lehman(Clinical Professor of Pediatrics and Assistant Dean of Student Affairs ของ David Geffen School of Medicine มหาวิทยาลัย University of California นคร Los Angeles มลรัฐ California สหรัฐอเมริกา


              การได้รับวัคซีน COVID-19 ช่วยลดการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตในสตรีตั้งครรภ์ในช่วงการระบาดใหญ่ของ Omicron เชื้อกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ severe acute respiratory syndrome coronavirus 2 (SARS-CoV-2) ซึ่งเป็นเชื้อก่อโรคของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ COVID-19
             นับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดใหญ่ทั่วโลกของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา COVID-19 สตรีตั้งครรภ์และทารกต่างก็มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเกิด adverse outcomes (NEJM JW Gen Med May 15 2021 และ Obstet Gynecol 2021; 137:571)ขณะที่มีรายงานว่า สตรีตั้งครรภ์ที่ได้รับการฉีดวัคซีน COVID-19 มีประโยชน์ทั้งกับแม่และเด็ก (NEJM JW Infect Dis Aug 2022 และ N Engl J Med 2022 Jul 14; 387:109) อย่างไรก็ตาม แม้จะมีข้อมูลทางคลินิกเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีน COVID-19 ในสตรีตั้งครรภ์ (NEJM JW Gen Med May 1 2022 และ JAMA 2022 Apr 19; 327:1469; multiple citations) แต่อัตราการรับวัคซีน COVID-19 ในสตรีตั้งครรภ์ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลจากการได้รับข้อมูลผิด ๆ เกี่ยวกับความเสี่ยงของการติดเชื้อจากการได้รับวัคซีน COVID-19 และเรื่องความปลอดภัยของวัคซีน COVID-19
             ในการศึกษาแบบ prospective cohort study ที่มีชื่อว่า INTERCOVID-2022 คณะผู้วิจัยได้ดูเกี่ยวกับ outcomes ของการติดเชื้อ SARS-CoV-2 ในสตรีตั้งครรภ์ใน 18 ประเทศ ในช่วงที่มีการระบาดอย่างรุนแรงของ Omicron เชื้อกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ด้วยการเปรียบเทียบทั้ง maternal, perinatal และ neonatal outcomes กับกลุ่มสตรีตั้งครรภ์ที่ไม่ได้ติดเชื้อ SARS-CoV-2โดยมีผลการศึกษาดังต่อไปนี้
             - 36% ของสตรีตั้งครรภ์จำนวนทั้งสิ้น 4,618 คน ที่ได้รับการ enroll ในการศึกษานี้ ได้รับวัคซีน COVID-19 เข็มพื้นฐานครบถ้วน และมีจำนวนหนึ่งได้รับวัคซีน COVID-19 เข็มกระตุ้นด้วย
             - มีความเป็นไปได้โดยรวมที่จะเกิด adverse outcomes น้อยกว่าในช่วงที่มีการระบาดอย่างรุนแรงของ Omicron เมื่อเทียบกับเชื้อกลายพันธุ์ของเชื้อ SARS-CoV-2 ก่อนหน้านี้ ซึ่งรวมถึง Delta อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความเสี่ยงที่สูงมากที่จะเกิดความเจ็บป่วยและการเสียชีวิตของมารดาที่ตั้งครรภ์ในช่วงการระบาดของ Omicron (adjusted relative risk, 1.16) และความเจ็บป่วยและการเสียชีวิตของทารกในครรภ์และทารกแรกเกิด (adjusted RR, 1.21)
              - ถึงแม้วัคซีน COVID-19 จะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ Omicron อย่างไรก็ตาม วัคซีน COVID-19 มีประสิทธิภาพในการลด severe outcomes ซึ่งรวมถึงการเสียชีวิต โดยในผู้ที่ได้รับวัคซีน COVID-19 เข็มพื้นฐานครบถ้วน ประสิทธิภาพของวัคซีนต่อ severe outcomes มีสูงถึง 74% และสูงถึง 91% ในผู้ที่ได้รับวัคซีน COVID-19 เข็มกระตุ้นด้วย
             ความคิดเห็น : ในขณะที่ทั่วโลกยังคงเผชิญกับการระบาดของโรคติดเชื้อ COVID-19 ต่อไปอีกปีหนึ่ง ความจริงต่าง ๆ ที่พบได้ก่อนที่จะมีการพัฒนาและผลิตวัคซีน COVID-19 ออกมาใช้ ยังคงดำรงอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของ Omicron โดยการตั้งครรภ์ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของการเกิด severe outcomes จากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 การศึกษานี้ช่วยเตือนความจำว่า สตรีตั้งครรภ์มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิด severe outcomes หรือภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ จากโรค COVID-19 และวัคซีนมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันผลลัพธ์หรือภาวะแทรกซ้อนที่ไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ เราควรที่จะแนะนำกันอย่างแข็งขันต่อไปว่า ทุกคนที่ไม่มีข้อห้ามสำหรับการฉีดวัคซีน COVID-19 ควรได้รับการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรเน้นสื่อสารไปในประเด็นที่ว่า วัคซีน COVID-19 สามารถป้องกัน severe outcomes ในช่วงตั้งครรภ์จากโรค COVID-19 มากกว่าการมุ่งไปในเรื่องของการป้องกันการติดเชื้อ COVID-19


 


อ้างอิง : Villar J et al. Pregnancy outcomes and vaccine effectiveness during the period of omicron as the variant of concern, INTERCOVID-2022: A multinational, observational study. Lancet 2023 Jan 17; [e-pub]. (https://doi.org/10.1016/S0140-6736(22)02467-9. opens in new tab)