เป็นผู้หญิง ยิ่งต้องระวัง! 5 โรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่ผู้หญิงเสี่ยงมากกว่าผู้ชาย

บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเฉลิมฉลองวันสตรีสากลปี 2023 (8 มีนาคม) ผ่านการให้ความรู้และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-communicable diseases หรือ NCDs) ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเพศหญิง รวมถึงการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจทั้งในระดับประเทศและระดับโลก
            จากการศึกษาของ The Pan American Health Organization (PAHO) พบว่า ผู้หญิงมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) มากกว่าผู้ชาย1 เนื่องจากฮอร์โมนและพันธุกรรมที่ส่งผลกระทบต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิด 5 โรคสำคัญ ได้แก่
1 https://www.paho.org/hq/dmdocuments/2012/PAHO-Factsheet-Gender-English.pdf
กลุ่มโรคมะเร็ง: มะเร็งเต้านม, มะเร็งปากมดลูก, มะเร็งปอด
              จากรายงานทางการแพทย์ พบว่า โรคมะเร็งเต้านม2 ที่ถึงแม้จะพบได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง แต่ผู้หญิงมีปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคนี้มากกว่าผู้ชาย เนื่องจากปัจจัยด้านพันธุกรรม ฮอร์โมน และพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดยโรคดังกล่าวมักพบในหมู่ผู้หญิงวัยกลางคนเฉลี่ยอายุประมาณ 50 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป3 ก็ควรจะต้องเริ่มตรวจเต้านมด้วยตัวเองอยู่เสมอ และพบแพทย์เพื่อตรวจเต้านมทุก 1-3 ปี เพราะมะเร็ง หากรู้เร็ว สามารถรักษาได้


 

         ลำดับต่อมา คือ โรคมะเร็งปากมดลูก ที่มีสาเหตุหลัก ๆ มาจากการติดเชื้อไวรัส Human Papillomavirus (HPV) ร่วมกับปัจจัยอื่น เช่น การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย การสูบบุหรี่ การมีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ โดยโรคดังกล่าวมักพบมากในผู้หญิงอายุ 35 – 60 ปี4 ซึ่งมะเร็งปากมดลูกสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน HPV และการตรวจคัดกรองควบคู่กันไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันโรคให้ได้มากที่สุด5 

          นอกจากนี้ จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมและพฤติกรรม เช่น ฝุ่น ควัน การได้รับควันบุหรี่ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มีการตรวจพบโรคมะเร็งปอดมากขึ้นในผู้หญิง ดังนั้น การเข้ารับการตรวจคัดกรองตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงก่อนเข้าระยะลุกลาม หรือ ระยะที่ 4 ซึ่งเป็นระยะสุดท้ายที่ส่งผลให้การรักษาไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร

โรคหัวใจ
              ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อัตราการเข้ารับการรักษาพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจสำหรับผู้หญิงอายุ 35 - 54 ปี มีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 21% เป็น 31%7 แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงเริ่มป่วยเป็นโรคหัวใจมากขึ้นในช่วงอายุที่น้อยลง จากเดิมที่มักเกิดขึ้นในช่วงอายุ 50 – 60 ปี ซึ่งเป็นวัยหมดประจำเดือน โดยโรคหัวใจสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งภาวะความดันโลหิตสูง โรคอ้วน และความเครียด ด้วยเหตุนี้ เราจึงควรออกกำลังกายภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ควบคู่กับการปรับพฤติกรรมที่อาจสุ่มเสี่ยงต่อการทำให้เกิดโรคหัวใจ


2 https://bse.anamai.moph.go.th/data/VHV_BSE_manual_20161229.pdf
3 https://www.chulacancer.net/patient-list-page.php?id=522
4 https://www.nci.go.th/th/File_download/thanong/01/%E0%B8%A1%E0%B8%
B0%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%
B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%B9%
E0%B8%81.pdf
5 https://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/02/184327/
6 https://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/04/173213/
7 https://www.health.com/condition/heart-disease/heart-attacks-young-women


 

โรคเบาหวาน
             โรคเบาหวาน เป็นหนึ่งในโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่น่ากังวลและเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญระดับประเทศ จากผลวิจัยพบว่า8 เบาหวานเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ของผู้หญิงในประเทศไทย โดยเกิดได้ทั้งจากปัจจัยภายใน9 เช่น การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน การตั้งครรภ์ พันธุกรรม รวมถึงปัจจัยภายนอก เช่น การขาดการออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เป็นต้น โดยโรคเบาหวานยังสามารถก่อให้เกิดภาวะโรคแทรกซ้อนอื่นๆ10 เช่น ไตวาย ปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือดแดงใหญ่ หลอดเลือดแดงฝอยและเส้นประสาท ซึ่งการควบคุมอาหารและติดตามระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเองให้อยู่ในเกณฑ์ เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลตนเองให้ห่างไกลจากภาวะเบาหวาน

โรคกระดูกพรุน
             โรคกระดูกพรุน11 เป็นภาวะที่กระดูกมีความอ่อนแอ เปราะบาง และมีแนวโน้มที่จะแตกหักง่าย ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่า ปัจจุบันผู้หญิงทั่วโลกเป็นโรคกระดูกพรุนมากกว่า 200 ล้านคน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่อายุ 65 ปีขึ้นไป จะมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้ชาย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่เกิดขึ้นในช่วงวัยหมดประจำเดือน อาจนำไปสู่การสูญเสียมวลกระดูกได้ โดยเราสามารถป้องกันหรือชะลอการเกิดโรคกระดูกพรุนได้ด้วยการออกกำลังกายแบบยกน้ำหนัก ควบคู่ไปกับการบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีอย่างเพียงพอเป็นประจำทุกวัน
โรคที่เกิดจากความเครียด
             ความเครียดเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคซึมเศร้า ซึ่งผู้หญิงในทุกช่วงวัยมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ชายถึง 2 เท่า12 เนื่องจากปัจจัยด้านฮอร์โมนและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ความรุนแรงทางเพศ การเลือกปฏิบัติ รวมถึงบริบททางสังคม ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยก่อให้เกิดความเครียดที่ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าในผู้หญิง หากใครที่เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติทางด้านอารมณ์และจิตใจ ควรเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อการรักษาที่เหมาะสม


8 https://www.cdc.gov/diabetes/library/features/diabetes-and-women.html
9 https://www.hfocus.org/content/2018/02/15478#:~:text=%E0%B8%9B%
E0%B8%B1%E0%B8%88%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%80%
E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%AA%
E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%
E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89,%E0%B9%81%E0%B8%A5%
E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%
E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%B1%
E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A2
10 https://hpc11.go.th/information/7.1/3.9/40.pdf
11 http://training.dms.moph.go.th/rtdc/storage/app/uploads/public/59b/9e7/9d2/59b9e79d2c4ef599738654.pdf
12 https://dmh.go.th/news-dmh/view.asp?id=31459

การดูแลสุขภาพเบื้องต้นสำหรับผู้หญิง
              เนื่องจากเพศหญิงเป็นเพศที่ละเอียดอ่อนและต้องการการดูแลเฉพาะทางและตรงจุด การหมั่นดูแลรักษาร่างกายและจิตใจของตัวเองจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ บางสาเหตุของโรคภัยข้างต้นยังสามารถเกิดจากสภาวะร่างกายที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้น การได้รับการตรวจคัดกรองโรคตั้งแต่เนิ่น ๆ ควบคู่กับการดูแลสุขภาพผ่านการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ก็จะช่วยป้องกันและลดทอนความรุนแรงของ 5 โรคเหล่านี้ได้
              EmbraceEquity หรือโอบกอดความเสมอภาค คือธีมของวันสตรีสากลในปีนี้ เพื่อสนับสนุนการยอมรับในความแตกต่างและส่งเสริมการมีส่วนร่วม (Inclusion & Diversity) เพื่อความเสมอภาคของทุกคนในสังคม รวมถึงเรื่องของสุขภาพและความเสมอภาคในการเข้าถึงบริการสุขภาพเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน
              แอสตร้าเซนเนก้ามุ่งมั่นที่จะสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคและการเข้าถึงระบบการดูแลสุขภาพที่ดี พร้อมยกระดับประสิทธิภาพในการตรวจวินิจฉัยโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เนื่องจากการได้รับการรักษาในระยะเริ่มต้นสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วย อีกทั้งยังลดงบประมาณด้านสาธารณสุขของไทยในด้านการรักษาพยาบาล เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน (People) ชุมชน (Society) และโลก (Planet) อย่างยั่งยืน